เอเจนซีส์ - ประชาชนจำนวนไม่ต่ำกว่า 1,200 ครอบครัวในประเทศกัมพูชา ถูกสั่งอพยพออกนอกพื้นที่หลังจากเขื่อนเซเปียน-เซน้ำน้อย ในแขวงอัตตะปือ ตะวันออกเฉียงใต้ของลาวแตก และส่งมวลน้ำขนาด 5 พันล้านคิวบิกเมตร ไหลเข้าสู่แม่น้ำและทำให้เกิดน้ำท่วม
หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานวันนี้ (26 ก.ค.) ว่า เจ้าหน้าที่จังหวัดสตึงแตรง (Stung Treng) ต้องใช้ความพยายามอย่างหนักในการออกปฏิบัติการกู้ภัยฉุกเฉินเพื่ออพยพประชาชนราว 1,200 ครัวเรือนออกไปอยู่ในที่ปลอดภัย หลังก้อนมวลน้ำขนาด 5 พันล้านคิวบิกเมตร ไหลลงแม่น้ำ และท่วมพื้นที่บริเวณใกล้เคียง เกิดจากการที่เขื่อนพลังงานน้ำของลาว เขื่อนเซเปียน-เซน้ำน้อย ตั้งอยู่ที่แขวงอัตตะปือ ทางตะวันออกเฉียงใต้เกิดแตกเมื่อคืนวันอังคาร (24)
มีรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตล่าสุดจากเขื่อนลาวแตกอยู่ที่ 26 คนเป็นอย่างน้อย และทำให้มีผู้พลัดถิ่นไม่ต่ำกว่า 6,000 ครัวเรือน บริเวณแขวงอัตตะปือ และมีคนอีก 3,000 คนยังคงรอคอยเพื่อได้รับการช่วยเหลือออกนอกพื้นที่ประสบภัย ซึ่งมีบางส่วนต้องหนีไปอยู่บนยอดต้นไม้ หรือนั่งอยู่บนหลังคาบ้าน
ส่วนจำนวนผู้สูญหายอยู่ที่ 131 คนซึ่งเป็นตัวเลขทางการ เดอะการ์เดียนชี้
ในขณะที่หมู่บ้านกัมพูชาที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งแม่น้ำเซกอง (Sekong) ซึ่งเป็นส่วนปลายน้ำของแม่น้ำสายเดียวกันที่ชื่อแม่น้ำเซเปียน-เซน้ำน้อย (Xepian-Xe Nam Noy)ที่ได้ส่งน้ำป้อนให้กับเขื่อนพลังน้ำในลาวที่เกิดแตก ต้องประสบปัญหาจากน้ำท่วมฉับพลัน โดยระดับน้ำยังคงเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่องในวันพุธ (25) โดยในบางพื้นที่ของกัมพูชามีระดับน้ำท่วมสูงถึง 11.5 เมตร ส่งผลทำให้บ้านเรือนประชาชนอยู่ใต้น้ำทั้งหลัง
ด้านโฆษกประจำจังหวัดสตึงแตรง แมน กง (Men Kong) แถลงว่า มีครอบครัวประชาชนร่วม 1,200 ครอบครัวจาก 17 หมู่บ้านใน 4 ชุมชนของอำเภอเสียมปาง (Siem Pang)ได้ถูกสั่งอพยพออกนอกพื้นที่ และมีกำลังทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยจำนวน 700 นายถูกส่งออกไปให้การช่วยเหลือ
ในขณะที่ ไบรอัน ไอเลอร์ (Brian Eyler) ผู้เชี่ยวชาญประจำศูนย์การศึกษาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แสดงความเห็นถึงเหตุการณ์เขื่อนลาวแตกว่า “ไม่ต้องสงสัย นี่เป็นภัยพิบัติจากฝีมือมนุษย์” และกล่าวต่อว่า “ไม่ได้ดูเหมือนว่าหมู่บ้านกัมพูชาจะได้รับการแจ้งเตือนถึงปัญหาการมาของน้ำท่วม” และกล่าวว่า “เนื่องจากนี่เป็นระบบแควของแม่น้ำโขง ทำให้ไม่มีการสร้างระบบเตือนภัยสำหรับปัญหาน้ำท่วมหรือการจัดการความเสี่ยงระหว่างลาวและกัมพูชา”