มาร์เกตวอตช์/เอเอฟพี - ราคาน้ำมันปิดผสมผสานในวันพฤหัสบดี (19 ก.ค.) ท่ามกลางข่าวซาอุดีอาระเบียคาดหมายว่าประเทศตะลดการส่งออกในเดือนหน้าในความพยายามกำจัดอุปทานล้นตลาด ส่วนวอลล์สตรีทร่วงแรง หลัง ทรัมป์ แสดงความไม่พอใจที่เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย ปัจจัยนี้ฉุดทองคำขยับลง
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 70 เซ็นต์ ปิดที่ 69.46 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 32 เซ็นต์ ปิดที่ 72.58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันสัญญาสหรัฐฯ มีขึ้นหลังจาก อาดีบ อัล-อามา ผู้ว่าการประจำโอเปกของซาอุดีอาระเบีย ระบุในถ้อยแถลงเมื่อวันพฤหัสบดี (19 ก.ค.) คาดหมายว่าการส่งออกของประเทศในเดือนสิงหาคมจะลดลงจากเดือนกรกฎาคม ราว 100,000 บาร์เรลต่อวัน และยังแสดงความกังวลต่อภาวะอุปทานล้นตลาด พร้อมระบุซาอุดีอาระเบียไม่ต้องการป้อนน้ำมันสู่ตลาดโลกเกินกว่าที่ผู้บริโภคต้องการ
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของราคาน้ำมันดิบลอนดอนขยับลงเล็กน้อย เมื่อการประท้วงของคนงานน้ำมันในนอร์เวย์สิ้นสุดลง หลังยืดเยื้อมานานราว 1 สัปดาห์
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี (19 ก.ค.) ดิ่งแรง จากรายงานผลประกอบการบริษัทที่ออกมาผสมผสาน และคำแถลงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่แสดงความไม่เห็นด้วยกับนโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลางอเมริกา(เฟด)
ดาวโจนส์ ลดลง 134.79 จุด (0.53 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 25,064.50 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 11.13 จุด (0.40 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,804.49 จุด แนสแดค ลดลง 29.15 จุด (0.37 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 7,825.30 จุด
นักลงทุนมองในแง่บวกต่อรายงานผลประกอบการของบริษัทต่างๆ ในช่วงไตรมาส 2 ท่ามกลางความคาดหมายว่ารายได้โดยรวมจะเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 20 เปอร์เซ็นต์ จากมาตรการปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ
แต่ในวันพฤหัสบดี หุ้นของสถาบันการเงินขนาดใหญ่อย่าง เจพี มอร์แกน และแบงค์ออฟอเมริกา ร่วงลงมากกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ จากแรงเทขาย หลังจากดีดตัวขึ้นต่อเนื่องเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ ตามรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่ง
นอกจากนี้แล้วตลาดยังถูกกดดันจากคำแถลงของทรัมป์ ที่บอกว่าเขาไม่พอใจต่อการตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยแสดงความกังวลว่ามันอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯและความสามารถด้านการแข่งขันของอเมริกา
ปัจจัยดังกล่าวฉุดให้ราคาทองคำในวันพฤหัสบดี (19 ก.ค.) ปิดลบเล็กน้อย โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 3.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,224.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ในการให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าว CNBC ทรัมป์กล่าวว่า “ผมไม่รู้สึกยินดีต่อการทำงานของเฟด เพราะทุกครั้งที่เศรษฐกิจปรับตัวขึ้น พวกเขาก็ต้องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก ซึ่งผมไม่ค่อยสบายใจต่อเรื่องนี้ แต่ขณะเดียวกัน ผมก็ปล่อยให้พวกเขาทำในสิ่งที่พวกเขามองว่าดีที่สุด แต่ผมไม่ชอบงานของพวกเขาซึ่งได้กระทบต่อสิ่งที่เราทำ”
ปธน.ทรัมป์แสดงความไม่เห็นด้วยที่นายเจอโรม เพาเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ระบุว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดย ปธน.ทรัมป์ระบุว่า กำหนดเวลาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวถือเป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากจะทำให้สหรัฐฯ เสียเปรียบยุโรป และญี่ปุ่น จากการที่เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ธนาคารกลางของญี่ปุ่นและยุโรปยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน
ผู้นำรายนี้ยอมรับว่า การแสดงความคิดเห็นของเขาถือเป็นสิ่งผิดปกติ แต่เขาก็ไม่สนใจ “ผมเพียงแต่พูดในสิ่งเดียวกับที่ผมจะพูดในฐานะประชาชนธรรมดาคนหนึ่ง ซึ่งบางคนอาจจะบอกว่าผมไม่ควรพูดเพราะเป็นประธานาธิบดี แต่ผมไม่สนใจกับสิ่งที่พวกเขาพูด เพราะมุมมองของผมไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป”