การ์เดียน - สื่อต่างประเทศเผยพวกผุ้ถือหุ้นของเทสลา ผู้นำด้านรถไฟฟ้า เรียกร้อง อีลอน มัสก์ ซีอีโอของบริษัทให้ขอโทษต่อกรณีที่เรียกฮีโร่นักประดาน้ำชาวอังกฤษ ซึ่งมีส่วนสำคัญในปฏิบัติการช่วยเหลือ 13 ชีวิตทีมหมูป่าอะคาเดมีออกจากถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ว่าเป็นพวกตุ๋ยเด็ก ไม่นานก่อนที่ มัสก์ จะเขียนข้อความขอโทษบนทวิตเตอร์
ข้อความโพสต์กล่าวหา เวอร์นอน อันสเวิร์ธ กระพือปฏิกิริยาสะท้อนกลับอย่างรุนแรงจากพวกผู้ถือหุ้นและเหล่านักวิเคราะห์ ที่ตำหนิพฤติกรรมของ มัสก์ ว่า “ไม่รู้จักโต” ซึ่งอาจเป็นมารผจญต่อความสำเร็จของบริษัทรถยนต์แห่งนี้
ซีอีโอรายนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือดเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังเขาเรียก เวอร์นอน อันสเวิร์ธ ว่าเป็นพวกหัวงูรักเด็ก (pedo) บนทวิตเตอร์ และสบประมาทอีกเป็นชุด ก่อนท้ายที่สุดจะลบโพสต์เหล่านั้นทิ้งไป
ข้อพิพาทดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อครั้งที่ มัสก์ บินมายังประเทศไทยและเสนอมอบความช่วยเหลือแก่ภารกิจกู้ภัยช่วยเด็กชาย 12 คนและโค้ชออกจากถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนที่ถูกน้ำท่วม ด้วยการใช้เรือดำน้ำจิ๋ว แต่พวกแกนนำในปฏิบัติการดังกล่าวปฏิเสธความช่วยเหลือ
ต่อมา อันสเวิร์ธ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในปฏิบัติการที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ระบุว่าแผนของมัสก์ที่จะช่วยนักเตะและโค้ชทีมหมูป่านั้นเป็นเพียงการประชาสัมพันธ์ ซึ่งกระตุ้นให้มหาเศรษฐีรายนี้ตอบโต้ว่าจะทำวิดีโอที่พิสูจน์ให้เห็นว่า “เรือดำน้ำจิ๋ว” ของเขานั้นใช้ได้ผลจริง พร้อมระบุต่อว่า “ขอโทษนะ เฒ่าหัวงู ที่จริงแล้ว คุณไม่ได้เป็นคนร้องขอมาเสียหน่อย”
อันสเวิร์ธ ซึ่งยังคงอยู่ที่ถ้ำหลวงฯ ร่วมในภารกิจทำความสะอาดครั้งใหญ่ เผยกับเว็บไซต์เดอะการ์เดียนว่าเขารู้สึกประหลาดใจและโกรธมาก พร้อมบอกว่าเวลานี้กำลังพิจารณาดำเนินการทางกฎหมายต่อมัสก์
ทั้งนี้ แม้ว่าในวันพุธ (18 ก.ค.) มัสก์ ได้ออกมาขอโทษ อันสเวิร์ธ ผ่านทวิตเตอร์ โดยระบุว่า “สิ่งที่เขาทำกับผมไม่ได้ทำให้สิ่งที่ผมทำกับเขาถูกต้อง และสำหรับเรื่องนั้น ผมขอโทษคุณอันสเวิร์ธและบริษัทต่างๆ ที่มีผมเป็นผู้นำ” มัสก์เขียนในทวิตเตอร์ “มันเป็นความผิดของผม ของผมเพียงผู้เดียว"
อย่างไรก็ตาม สื่อมวลชนรายงานว่า คำขอโทษของเขามีขึ้นหลังจากพวกผู้ถือหุ้นบางส่วนออกมาพูดถึงเรื่องนี้ ในนั้นรวมถึง เจมส์ อันเดอร์สัน จากเบลลีย์ กิฟฟอร์ด ผู้ถือหุ้นใหญ่สุดอันดับ 4 ของเทสลา ที่เปิดเผยกับการ์เดียนผ่านอีเมลเมื่อวันอังคาร (17 ก.ค.) ว่าบริษัทเล็งเห็นการยุติการปล่อยคาร์บอนเป็นสิ่งสำคัญ “แต่ก็มีความผิดหวังอย่างยิ่งที่ว่าความก้าวหน้าอย่างจริงๆ จังๆ ในเรื่องนี้ถูกบดบังและบ่อนทำลายโดยเหตุดรามา”
อันเดอร์สันบอกว่าเขาเห็นด้วยที่คำพูดของ มัสก์ บางครั้งในอดีตอยู่เหนือการวิพากษ์วิจารณ์ “แต่เรื่องนี้มันต่างออกไป เรากำลังติดต่อกับบริษัท และเราหวังว่าทางบริษัทจะดำเนินการด้วยความจริงจัง” เขากล่าวพร้อมระบุว่าอยากเห็นทางบริษัทการจัดการเรื่องนี้อย่างเงียบๆ
ก่อนหน้านี้ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มัสก์ ถูกเพ่งเล็งอย่างหนักต่อคำพูดยืดยาวของเขาบนทวิตเตอร์ และการโพสต์ข้อความโจมตีอย่างก้าวร้าวใส่ฝ่ายต่างๆ ทั้งผู้สื่อข่าว, คณะผู้ควบคุมกฎระเบียบและนักวิจารณ์อื่นๆ ในขณะที่เรื่องอื้อฉาวเหล่านี้เกิดขึ้นท่ามกลางเสียงคร่ำครวญอย่างไม่หยุดหย่อนเกี่ยวกับความปลอดภัยในที่ทำงานและปัญหาผลิตไม่ทันตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ในเทสลา
จีน มันส์เตอร์ จากกลุ่มธุรกิจลูพเวนเจอร์ส ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ถือหุ้นเทสลาหลายรายเขียนจดหมายเปิดผนึกถึงนายมัสก์ เรียกร้องให้เขาแก้ไขสถานการณ์รุนแรงครั้งนี้ด้วยการขอโทษ อันสเวิร์ธ และย้ำด้วยว่า มูลค่าของเทสลาขึ้นอยู่กับความนิยมในตัวเทสลาของผู้ใช้ และบอกต่อว่า หากผู้ก่อตั้งทำชื่อเสียงเสียด้วยตนเอง ผลลัพธ์อาจลงเอยด้วยการที่แบรนด์เทสลาหมดความนิยม
จิ้ง เจ้า (Jing Zhao) ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้เพิ่งยื่นข้อเสนอในฐานะผู้ถือหุ้นให้ถอด มัสก์ พ้นจากประธานบอร์ดของเทสลาและแต่งตั้งผู้บริหารอิสระขึ้นมาแทน บอกว่าซีอีโอจำเป็นต้องมีความเป็นมืออาชีพและไม่ใช่ธุระอะไรของมัสก์ที่ต้องเดินทางไปประเทศไทย และพยายามขจัดอุปสรรคของการกู้ภัยด้วยโดยตรง
เจ้า บอกว่า เขาเชื่อว่ามัสก์มีความตั้งใจดี “แต่การช่วยเหลือทางมนุษยธรรมนั้นมันเป็นหน้าที่ของมืออาชีพ ดังนั้นเราควรต้องไว้ใจคนอื่นๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับประชาคมท้องถิ่น เขาควรมุ่งเน้นในอาชีพของตนเอง” เจ้าบอก พร้อมระบุว่าหากมัสก์ต้องการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ในลักษณะนี้ เขาก็ควรตั้งองค์กรการกุศลแยกต่างหาก
นอกจากนี้แล้ว เจ้า ยังบอกอีกว่า เรื่องอื้อฉาวนี้เป็นการมอบหลักฐานเพิ่มเติมว่าทางบริษัทต้องการประธานอิสระ “เขาไม่มีวุฒิภาวะมากพอ” เจ้ากล่าว