xs
xsm
sm
md
lg

ไม่มีพลิกล็อก! “มาดูโร” ชนะศึกเลือกตั้ง ปธน.เวเนฯ ยื้ออำนาจต่ออีก 6 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ประธานาธิบดี นิโคลัส มาดูโร แห่งเวเนซุเอลา กล่าวปราศรัยต่อกลุ่มผู้สนับสนุนที่ทำเนียบมิราฟลอเรสในกรุงการากัส หลังมีการประกาศผลเลือกตั้งเมื่อวานนี้ (20 พ.ค.)
เอเอฟพี - ประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร ผู้นำฝ่ายซ้ายแห่งเวเนซุเอลา ถูกประกาศให้เป็นผู้ชนะศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันอาทิตย์ (20 พ.ค.) แบบไม่มีพลิกโผ จ่อกุมบังเหียนรัฐขุมน้ำมันแห่งละตินอเมริกาต่อเนื่องไปอีก 6 ปี ท่ามกลางเสียงประณามของฝ่ายค้านที่ไม่ยอมรับผล และเรียกร้องให้มีการจัดเลือกตั้งใหม่อีกครั้งในช่วงสิ้นปีนี้

ชัยชนะในศึกเลือกตั้งคราวนี้จะทำให้ มาดูโร รั้งเก้าอี้ประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ยาวไปจนถึงปี 2025 แม้จะถูกฝ่ายค้านและนานาชาติวิจารณ์ว่าไม่เป็นธรรม และมีประชาชนออกมาใช้สิทธิเพียงแค่ 46%

เฮนรี ฟอลคอน ผู้สมัครคู่แข่งคนสำคัญของ มาดูโร เปิดแถลงข่าวตั้งแต่ผลเลือกตั้งยังไม่ออกว่า “เราไม่ยอมรับกระบวนการเลือกตั้งครั้งนี้ว่าใช้ได้และถูกต้องความความจริง”

“สำหรับเรานี่ไม่ใช่การเลือกตั้ง เราจำเป็นต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ในเวเนซุเอลา”

มาดูโร ยกย่องผลการเลือกตั้งที่ทำให้เขาได้ครองเก้าอี้ผู้นำเวเนฯ ต่อไปอีก 6 ปีว่าเป็น “บันทึกประวัติศาสตร์” ท่ามกลางเสียงเฮดังกระหึ่มจากบรรดากองเชียร์ที่ทำเนียบมิราฟลอเรส (Miraflores Palace) ในกรุงการากัส

“ไม่เคยมีผู้สมัครประธานาธิบดีคนไหนได้คะแนนป็อปปูลาร์โหวตถึง 68% มาก่อน” เขากล่าว “เราชนะอีกครั้ง! เราคว้าชัยได้อีกครั้ง! เราคือพลังแห่งประวัติศาสตร์ที่สร้างชัยชนะให้กับประชาชนอย่างถาวร”

ผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการพบว่า มาดูโร ได้คะแนนโหวตถึง 67.7% ในขณะที่ ฟอลคอน ซึ่งโพลก่อนเลือกตั้งระบุว่ามีคะแนนนิยมตีคู่สูสีกับ มาดูโร กลับได้คะแนนโหวตจริงแค่ 21.2% ทิ้งห่างกันไกลลิบ

ศาสนาจารย์ ฮาวิเยร์ เบร์ตุชชี (Javier Betucci) ได้คะแนนโหวต 11% รั้งท้ายมาเป็นที่ 3 ซึ่งล่าสุดเจ้าตัวก็ได้ประกาศเรียกร้องขอให้มีการเลือกตั้งใหม่ เช่นเดียวกับ ฟอลคอน

มาดูโร ซึ่งเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อปี 2013 ในฐานะทายาททางการเมืองของอดีตผู้นำหัวซ้ายคนดัง อูโก ชาเบซ ถูกครหาว่าบริหารงานผิดพลาดจนทำให้เศรษฐกิจเวเนซุเอลาตกต่ำ ทั้งที่มีน้ำมันดิบสำรองอยู่อย่างมหาศาล

ปัญหาเงินเฟ้อ ข้าวยากหมากแพง การขาดแคลนยารักษาโรค อาชญากรรมที่พุ่งสูง ตลอดจนสาธารณูปโภคทั้งน้ำประปา ไฟฟ้า และระบบขนส่งมวลชนที่ด้อยคุณภาพ กลายเป็นแรงบีบให้ชาวเวเนฯ ลุกขึ้นก่อจลาจล และทำให้กระแสชิงชังรัฐบาล มาดูโร พุ่งสูงถึง 75%

ชาวเวเนฯ หลายแสนคนตัดสินใจอพยพไปตั้งถิ่นฐานในต่างแดนในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เนื่องจากทนพิษเศรษฐกิจไม่ไหว

เมื่อวานนี้ (20) มาดูโร วัย 55 ปี ซึ่งเป็นอดีตคนขับรถบรรทุกได้สวมเสื้อแดงออกไปใช้สิทธิที่หน่วยเลือกตั้งในกรุงการากัสพร้อมกับภริยา ซิเลีย ฟลอเรส และประกาศต่อหน้าฝูงชนว่า “คะแนนโหวตของท่านจะเป็นตัวตัดสิน: บัตรเลือกตั้งหรือลูกปืน, แผ่นดินแม่หรืออาณานิคม, สันติภาพหรือความรุนแรง, อิสรภาพหรือการตกเป็นเบี้ยล่าง”

มาดูโร อ้างมาโดยตลอดว่า เวเนซุเอลากำลังตกเป็นเหยื่อ “สงครามเศรษฐกิจ” ที่พวกฝ่ายค้านหัวอนุรักษนิยมและมหาอำนาจภายนอก เช่น สหรัฐฯ หวังจะใช้เป็นเครื่องมือโค่นล้มอำนาจตน

ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประณามการเลือกตั้งในเวเนซุเอลาเป็นแค่การเลือกตั้ง “เก๊”

ฟอลคอน ซึ่งเป็นอดีตนายทหารวัย 56 ปีที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มฝ่ายค้านหลัก กล่าวหาพรรคสังคมนิยมของ มาดูโร ว่ามีการตั้งจุด “red points” ใกล้ๆ หน่วยเลือกตั้ง เพื่อแจกเงินซื้อเสียงประชาชนที่จะเข้าไปลงคะแนน

มาดูโร ซึ่งตระหนักถึงความคับแค้นใจของประชาชนให้สัญญาว่าจะทำการ “ปฏิวัติเศรษฐกิจ” หากชนะเลือกตั้ง ในขณะที่ ฟอลคอน รับปากจะส่งเสริมการใช้เงินดอลลาร์ ส่งคืนบริษัทเอกชนต่างๆ ที่ถูกยึดโดยรัฐบาลชาเบซ และเปิดทางให้นานาชาติส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ซึ่งล้วนเป็นข้อเสนอที่ มาดูโร ปฏิเสธทั้งสิ้น

ฟอลคอน เรียกร้องให้จัดการเลือกตั้งใหม่อีกครั้งในเดือน พ.ย. หรือ ธ.ค. ตามธรรมเนียมเดิม หลังจากที่สภาร่างรัฐธรรมนูญ (Constituent Assembly) ซึ่งเป็นพลพรรคของ มาดูโร ใช้อำนาจเลื่อนเลือกตั้งให้เร็วขึ้นในปีนี้ เพื่อฉวยโอกาสในช่วงที่ฝ่ายค้านยังรวมตัวกันไม่ติด







กำลังโหลดความคิดเห็น