เอเจนซีส์/MGR ออนไลน์ – เป็นที่เรียบร้อยไปแล้วสำหรับพระราชพิธีเสกสมรสแห่งประวัติศาสตร์ที่มีความโรแมนติกอย่างคาดไม่ถึง สื่อทั่วโลกเกาะติดตลอดทั้งงานโดยเฉพาะในฝั่งสหรัฐฯ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเจ้าสาว เมแกน มาร์เคิล สถานทีโทรทัศน์ค่ายยักษ์ใหญ่ เป็นต้นว่า MSNBC เกาะติดตลอดทั้งงาน และถึงกระทั่งส่งผู้ประกาศสาวและชายหนุ่มไปเข้าร่วมอยู่ ด้านพิธีนักอ่านภาษาปากเปิดเผยคำสนทนาระหว่างคู่บ่าวสาวระหว่างพระราชพิธี เพลง “สแตนด์ บาย มี” กระหึ่มสัญญาใจที่มีให้ระหว่างกันหวานอย่างไม่เคยมีมาก่อน สื่ออังกฤษฮือฮา สาธุคุณผิวสี ไมเคิล บรูซ เคอร์รี (Rev. Michael Bruce Curry) แห่งโบสถ์นิกายเอพิสโคพาล (Episcopal) ขึ้นกล่าวเป็นประธานในงานให้แก่คู่บ่าวสาว ดยุคและดัสเชสแห่งแห่งซัสเซกส์ เรียกเสียงร่ำลือไปทั่วเกาะอังกฤษด้วยลีลาการเทศสุดเร้าใจ ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
เดลีเมล สื่ออังกฤษ รายงานวันนี้ (20 พ.ค.) ว่า ภายในพิธีใกล้กับแท่นพิธีที่มีบาทหลวงทำหน้าที่เป็นผู้รับการแลกเปลี่ยนคำสาบานระหว่างคู่บ่าวสาวเจ้าชายแฮร์รี และเมแกน มาร์เคิล ซึ่งในปัจจุบันได้รับพระราชทานยศจากสมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ 2 แห่งเครือจักรภพอังกฤษให้เป็นดยุคและดัสเชสแห่งซัสเซกส์ ผู้เชี่ยวชาญการอ่านภาษาปากได้เปิดเผยถ้อยคำกระซิบกระซาบระหว่างคู่รักแห่งยุคให้ปรากฏ
พบว่าในระหว่างยืนเคียงข้างกันบริเวณหน้าแท่นพิธีนั้น เจ้าชายแฮร์รีทรงมีรับสั่งกระซิบกับเจ้าสาวว่า “คุณช่างดูน่ามหัศจรรย์มาก ผมคิดถึงคุณ” และเจ้าสาว เมแกน มาร์เคิลตอบกลับอย่างเขินอายว่า “ขอบคุณค่ะ”
และนอกจากนี้ นักอ่านภาษาปากยังเปิดเผยต่อว่า ดูเหมือนเจ้าชายแฮร์รีจะทรงเตือนให้เจ้าสาวถึงช่วงเวลาที่ต้องจุมพิตต่อหน้าสาธารณชนหลังจากที่เสร็จสิ้นพิธี โดยในระหว่างที่หยุดบริเวณขั้นบันได ดัสเชสแห่งซัสเซกส์ตรัสถามว่า “นี่เราจุมพิตกันได้หรือยังคะ” และดยุคแห่งซัสเซกส์ตรัสตอบกลับมาว่า “ได้แล้ว” และเสียงเฮก็ดังขึ้น
และอีกครั้งสำหรับพิธีงานเลี้ยงที่เรียกว่า "the reception" ซึ่งทั้ง 2 พระองค์อยู่ในชุดที่สวยงามซึ่งเป็นฉลองพระองค์ที่ 2 ของวันนั้น โดยเจ้าชายแฮร์รีทรงฉลองพระองค์ในชุดทักซีโดสีดำ โบหูกระต่ายสีดำ และเมแกน มาร์เคิล หรือดัสเชสแห่งซัสเซกส์อยู่ในชุดเปิดไหล่สีขาวตัดกับสีผิวที่มีเสน่ห์น่าหลงใหล โดยทั้ง 2 พระองค์ทรงพระราชยานพาหนะแบบเปิดประทุนที่เจ้าชายแฮร์รีทรงเป็นผู้ขับ เดอะซันชี้ว่าเป็นรถ แอสตัน มาร์ติน (Aston Martin) เหมือนสมัยเจ้าชายวิลเลียมและเจ้าหญิงเคท แต่ทว่าสำหรับเจ้าชายแฮร์รี พระองค์ทรงเลือกรุ่น อี จากัวร์ (E-type Jaguar) ซึ่งในการเข้าร่วมงานเลี้ยงช่วงค่ำ ดัสเชสทรงพระธำมรงค์ของเจ้าหญิงไดแอนน่า พระราชมารดาของเจ้าชายแฮรี
เดลีเมลรายงานว่า นักอ่านภาษาปากจับข้อความที่เจ้าชายแฮร์รีตรัสกับพระชายาอย่างหยอกเย้าว่า “ผมพร้อมที่จะไปดื่มแล้ว”
ซึ่งอีกช่วงหนึ่งสำคัญที่นักภาษาปากได้เปิดเผยคือ เมื่อเจ้าชายแฮร์รีทรงกำลังยืนรอเจ้าสาวที่ต้องเดินเข้าโบสถ์เข้ามาโดยที่จะมีพ่อของเจ้าสาวเป็นผู้จูงมือ พร้อมกับเพจเด็กผู้ชายถือแหวนและเด็กผู้หญิงถือกระเช้าดอกไม้ ดูเหมือนเจ้าชายแฮร์รีจะทรงสอบถามเจ้าชายวิลเลียมผู้ทำหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวว่า “เธอมาแล้วหรือยัง” และเจ้าชายวิลเลียมทรงตรัสตอบมาว่า “ยังมาไม่ถึง จริงๆแล้วก็ไม่รู้เหมือนกัน” และเมื่อเจ้าสาวเข้ามาถึง และเจ้าฟ้าชายชารล์ส์ พระราชบิดาทรงส่งเจ้าสาวให้เจ้าบ่าวถึงที่หน้าแท่นพิธี เจ้าชายแฮร์รีทรงตรัสต่อพระราชบิดาว่า “ขอบคุณครับคุณพ่อ” ซึ่งดูเหมือนพระองค์จะทรงใช้ภาษาธรรมดาตรัสต่อเจ้าฟ้าชายชารล์ส์ เดลีเมลรายงาน
ทั้งนี้พบว่าในพระราชพิธีเสกสมรสที่จัดขึ้นภายในโบสถ์เซนต์จอร์จ พระราชวังวินด์เซอร์ ในครั้งนี้มีสิ่งที่พิเศษออกไป เป็นต้นว่า มีการร้องเพลงสแตนด์ บาย มี (Stand By Me)เพลงที่โด่งดังในยุค 61 ผลงานการร้องของนักร้องชาวอเมริกัน เบน อี. คิง(Ben E. King) ซึ่งในพระราชพิธีมีการใช้กลุ่มนักร้องผิวสีประสานเสียงประจำโบสถ์ ซึ่งพบว่าการปรากฏตัวเข้าร่วมของศิลปินผิวสีและบิชอปจากสหรัฐฯผิวสีเชื่อว่าอาจมีสาเหตุจากการที่เจ้าสาว เมแกน มาร์เคิล เป็นบุคคลที่มีสายเลือดผสมระหว่างผิวขาวและแอฟริกันอเมริกันก็เป็นได้
อ้างอิงจากสื่อพีเพิลรายงานวันศุกร์(18)พบว่า ดอเรีย แรกแลนด์(Doria Ragland) มารดาชาวสหรัฐฯเชื้อสายแอฟริกันของดัสเชสแห่งซัสเซกส์ ซึ่งมีอาชีพครูสอนโยคะและนักสังคมสงเคราะห์ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นบ้านเกิดของดัสเชส ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชินีเป็นครั้งแรกเมื่อเช้าวันศุกร์(18)
และนอกจากมีการร้องเพลงจากกลุ่มนักร้องประจำโบสถ์แล้ว สื่ออเมริกา NBC NEWS รายงานว่า สาธุคุณผิวสี ไมเคิล บรูซ เคอร์รี (Rev. Michael Bruce Curry) แห่งโบสถ์นิกายเอพิสโคพาล(Episcopal)จากเมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ที่ถูกรับเชิญให้มาเป็นประธานในพิธีเพื่อเกียร์ติ และกลายเป็นที่ฮือฮาไปทั่วทั้งเกาะอังกฤษที่มีนับถือคริสตจักรแองลิกัน ด้วยลีลาการเทศสุดเร้าใจ ในการขึ้นเทศที่มีการกล่าวถึงสาธุคุณ ดร. มาร์ติน ลูเธอร์คิง จูเนียร์ ผู้นำการเปลี่ยนแปลงด้านสิทธิมนุษยชนในปี 1965 ซึ่งเนื้อหาการเทศนาเกี่ยวกับความรัก หรือ พลังแห่งการไถ่บาปด้วยความรัก(redemptive power of love)
ท่านสาธุคุณยังกล่าวหยอกเย้ากับคู่บ่าวสาวด้วยถ้อยคำสไตล์คาวบอยว่า “We gotta get y’all married.” หรือ “เห็นทีที่พวกเราต้องจับพวกคุณให้แต่งงานกันเสียที”
สื่อสหรัฐฯชี้ว่า การที่ เมแกน มาร์เคิล สามารถก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าหญิงแห่งราชวงศ์อังกฤษถือเป็นหน้าใหม่แห่งประวัติศาสตร์ของราชวงศ์ทีเดียวจากการที่ เจ้าหญิงพระองค์ใหม่มาจากอเมริกา ประเทศที่มีความหลากหลาย พระองค์มีประวัติเคยหย่าร้าง และเป็นบุคคลที่มีเชื้อชาติผสมแอฟริกันอเมริกันและผิวขาว ซึ่งพบว่ามารดาผิวสีของพระองค์นั่งไม่ห่างจากที่ประทับขององค์สมเด็จพระราชินีนาถควีนเอลิซาเบธที่ 2 และทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่น่าจดจำ
และนอกเหนือจากฝั่งอังกฤษที่มีการรายงานตลอดแล้ว พบว่าในฝั่งสหรัฐฯ สื่อทีวีเกาะติดด้วยเช่นกัน เป็นต้นว่า สถานีโทรทัศน์MSNBC ซึ่งส่วนใหญ่เสนอแต่ข่าวการเมือง แต่ในวันเสาร์(19) ซึ่งเป็นช่วงเวลาสำคัญได้ให้เวลาการถ่ายทอดสด และส่งผู้จัดรายการไปถึงที่ประกอบพระราชพิธี
โดยพิธีกรสาวและชายหนุ่มแต่งตัวตามแบบธรรมเนียมอังกฤษ มีการสวมหมวกแบบประดับประดา และพิธีกรสาว 2 คนได้โบกมือทักทาย เมแกน มาร์เคิล ซึ่งดัสเชสทรงประทับนั่งในรถม้าพระที่นั่งพร้อมพระสวามี เจ้าชายแฮรี และดูเหมือนดัสเชสแห่งซัสเซกส์จะทรงรับรู้ถึงการปรากฎตัวของพิธีกรทั้ง 2 ที่เรียกขานชื่อพระองค์ด้วยเสียงอันดัง และพระองค์ทรงแย้มพระสรวลให้
นอกเหนือจากนี้ในห้องส่งทางสถานีที่กรุงวอชิงตัน ดีซี พิธีกรหญิงประจำวันเสาร์ซึ่งเป็นผิวสี ยังแต่งตัวแบบอังกฤษด้วยการสวมหมวกแบบประดับประดา และมีการเชิญผู้เชี่ยวชาญชาวอังกฤษที่อาศัยในสหรัฐฯร่วมในการรายงานข่าวและซักถาม สร้างสีสันที่แปลกออกไปจากประจำวันที่มักเสนอข่าวการเมืองหรือปัญหาสังคมในสหรัฐฯเป็นส่วนใหญ่