เอเอฟพี - ตำรวจฝรั่งเศสจับกุมผู้ประท้วงร่วม 300 คนในกรุงปารีส หลังกลุ่มคนหนุ่มสาวชุดดำบุกพังร้านแมคโดนัลด์และจุดไฟเผารถยนต์หลายคันระหว่างการเดินขบวนประท้วงนโยบายปฏิรูปภาคสาธารณะของประธานาธิบดี เอมมานูแอล มาครง เนื่องในวันแรงงานสากล 1 พ.ค.
ผู้ประท้วงราว 1,200 คนสวมแจ็กเกตสีดำและหมวกปกปิดใบหน้าร่วมเดินขบวนเรียกร้องสิทธิแรงงานตามธรรมเนียมของวันที่ 1 พ.ค. โดยต่างร้องตะโกนสโลแกน “ลุกขึ้นมา ปารีส” และ “ทุกคนเกลียดตำรวจ”
หลังจากนั้นได้มีผู้ประท้วงกลุ่มหนึ่งวิ่งกรูไปตามท้องถนน และบุกเข้าไปทำลายทรัพย์สินในร้านแมคโดนัลด์ใกล้สถานีรถไฟโอสแตร์ลิตซ์ (Austerlitz) ทางตะวันออกของเมืองก่อนจะจุดไฟเผา นอกจากนี้ยังมีรถยนต์ของบริษัทจัดจำหน่ายยานพาหนะแห่งหนึ่งถูกเผาทำลายไปหลายคัน รวมถึงรถขุดดิน และมอเตอร์ไซค์สกูตเตอร์
เหตุจลาจลครั้งเลวร้ายที่สุดของปารีสในรอบหลายเดือน เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสความไม่พอใจต่อนโยบายปฏิรูปภาคแรงงานสาธารณะของประธานาธิบดีมาครง โดยก่อนหน้านี้เพิ่งมีการปะทะระหว่างตำรวจกับกลุ่มพลเมืองต่อต้านทุนนิยมในภาคตะวันตกของฝรั่งเศส
ตำรวจใช้แก๊สน้ำตาและปืนฉีดน้ำแรงดันสูงเข้าสลายการชุมนุม และเมื่อช่วงค่ำวันอังคาร (1) ยังมีผู้ประท้วงที่ถูกควบคุมตัวเอาไว้ 102 คน จากทั้งหมด 276 คนที่ถูกจับก่อนหน้า
“ธุรกิจ 31 รายได้รับความเสียหาย ในจำนวนนี้ถูกเผาด้วย 2 ราย และมียานพาหนะถูกเผาไปอีก 6 คัน เสียหาย 10 คัน” ตำรวจแถลง
มาครง ที่อยู่ระหว่างเยือนออสเตรเลียได้ทวีตข้อความประณามเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้น “เราจะใช้ทุกมาตรการเพื่อระบุตัวผู้ก่อความเสียหาย และให้พวกเขารับผิดชอบกับสิ่งที่ทำ”
ตำรวจฝรั่งเศสออกมาเตือนก่อนหน้านี้ว่า มีความเสี่ยงที่กลุ่มหัวรุนแรงจะถือโอกาสใช้วันแรงงานสากลปลุกปั่นให้เกิดเหตุจลาจลเหมือนเช่นปีที่แล้ว รวมถึงค่ายของกลุ่มต่อต้านทุนนิยมในภาคตะวันตกที่ถูกตำรวจรื้อถอนไปเมื่อกลางเดือน เม.ย.
ผู้ประท้วงคนหนึ่งชูป้ายข้อความที่เขียนว่า “มาครง ทำให้พวกเราเป็นบ้า”
นักศึกษาวัย 19 ปีซึ่งอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมบอกกับเอเอฟพีว่า “เรารับไม่ได้กับระบบทุนนิยมที่ทำลายทุกสิ่ง และการที่ตำรวจใช้กำลังปราบปรามทุกคนที่ต่อต้านมัน”
ภาพความรุนแรงที่เกิดขึ้นได้กลบกระแสการเคลื่อนไหวของแรงงานอีกราว 20,000-55,000 คนในกรุงปารีสที่ออกมาแสดงพลังอย่างสันติ
รัฐบาลฝรั่งเศสประเมินว่า มีประชาชนออกมาเดินขบวนในวันแรงงานสากลปีนี้ราว 143,000 คน เพิ่มขึ้นจากปี 2017 เล็กน้อย
สหภาพแรงงานและนักศึกษาได้ออกมาคัดค้านนโยบายแปรรูปรัฐวิสาหกิจรถไฟ SNCF และการปรับปรุงระบบแอดมิดชันมหาวิทยาลัยของรัฐ ซึ่งพวกเขามองว่าเป็นการลิดรอนบริการสาธารณะ
ผลสำรวจล่าสุดพบว่า ชาวฝรั่งเศสส่วนใหญ่ยังสนับสนุนแผนปฏิรูปของรัฐบาล แต่วิพากษ์วิจารณ์นโยบายการเงินของ มาครง ว่าเอื้อประโยชน์ให้แก่คนรวยมากกว่าชนชั้นกลางและแรงงาน
