เอเอฟพี - สาธารณรัฐโดมินิกันประกาศสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนและตัดขาดกับไต้หวันเมื่อค่ำวานนี้ (30 เม.ย.) นับเป็นความสำเร็จอีกครั้งหนึ่งของจีนในการกวาดต้อนพันธมิตรของไทเปให้เข้ามาอยู่ในวงล้อมของตน
รัฐบาลกรุงซานโตโดมิงโกมีคำแถลงอย่างเป็นทางการว่า “เราตัดสินใจที่จะสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับสาธารณรัฐประชาชนจีน และเชื่อว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่ออนาคตของประเทศ”
“สาธารณรัฐโดมินิกันยอมรับว่าโลกนี้มีเพียงจีนเดียว และไต้หวันเป็นเพียงดินแดนส่วนหนึ่งของจีนที่ไม่อาจถูกแบ่งแยกได้”
ล่าสุด โจเซฟ วู รัฐมนตรีต่างประเทศไต้หวัน ได้ออกมาตอบโต้การสถาปนาความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสาธารณรัฐโดมินิกันด้วยถ้อยคำรุนแรงวันนี้ (1 พ.ค.) พร้อมทั้งประกาศ “ยุติความสัมพันธ์” กับกรุงซานโตโดมิงโก ตลอดจนระงับความช่วยเหลือทุกอย่าง และเรียกเจ้าหน้าที่ไต้หวันกลับประเทศ
วู ยังกล่าวหาจีนว่าใช้เม็ดเงินหลอกล่อเพื่อดึงดูดสาธารณรัฐโดมินิกันเข้าไปเป็นพวก
“ประธานาธิบดีดานิโล เมดินา แห่งสาธารณรัฐโดมินิกันมองข้ามความเป็นหุ้นส่วนที่ยาวนานของเรา รวมถึงความปรารถนาของประชาชนชาวโดมินิกัน และความช่วยเหลือด้านการพัฒนาที่ไต้หวันมอบให้มาโดยตลอด และหันไปรับคำสัญญาช่วยเหลือและการลงทุนหลอกๆ จากจีน”
จีนแผ่นดินใหญ่และไต้หวันถูกแยกออกจากกันหลังสงครามกลางเมืองในปี 1949 แต่ถึงแม้ไต้หวันจะถือว่าตนเป็นรัฐอธิปไตย แต่ก็ไม่เคยประกาศเอกราชอย่างเป็นทางการ ขณะที่ปักกิ่งนั้นยืนยันว่าไทเปเป็นเพียงมณฑลทรยศที่จะต้องถูกหลอมรวมกลับเป็นหนึ่งเดียวกับจีนในอนาคต
การตีตัวออกห่างของรัฐแถบอเมริกากลางและแคริบเบียนที่เคยเป็นมิตรกับไต้หวันมาตั้งแต่ช่วงสงครามเย็นทำให้ขณะนี้เหลือเพียง 19 ประเทศที่ยังคงมีความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวันอย่างเป็นทางการ
เดือน มิ.ย.ปีที่แล้ว รัฐบาลปานามาเพิ่งจะประกาศตัดขาดกับไต้หวันเพื่อสถาปนาความสัมพันธ์กับจีน เช่นเดียวกับคอสตาริกาที่ทำเช่นเดียวกันเมื่อปี 2007
ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นระหว่างปักกิ่งกับวาติกันซึ่งถือเป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการที่เข้มแข็งที่สุดที่ไต้หวันเหลืออยู่ ทำให้หลายฝ่ายคาดเดาว่าสันตะสำนัก (The Holy See) อาจตัดสินใจย้ายข้างไปอยู่ฝั่งจีนในที่สุด ซึ่งจะเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับไทเป