เอเอฟพี – มีผู้ถูกจับกุมกว่า 1,100 คนในเอธิโอเปียนับตั้งแต่ประเทศนี้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินภายหลังการลาออกของนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนที่แล้ว สื่อทางการรายงานในวันนี้ (31)
การลาออกอย่างกะทันหันของ ไฮเลมาเรียม เดซาเล็ก มีขึ้นหลังจากการประท้วงต่อต้านรัฐบาลนานกว่า 2 ปีและการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายในพรรครัฐบาล
พรรคแนวหน้าปฏิวัติประชาธิปไตยแห่งประชาชนเอธิโปเปีย (Ethiopian People's Revolutionary Democratic Front : EPRDF) เลือก เอบีย์ อาเหม็ด จากกลุ่มชาติพันธ์โอโรโม เป็นผู้นำคนใหม่ของพวกเขา
เขาจะเข้ารับการสาบานตนเป็นนายกรัฐมนตรีในต้นสัปดาห์หน้า
สถานีโทรทัศน์ Fana Broadcast Corporate ระบุว่า มีผู้ถูกจับกุม 1,107 คนฐานฝ่าฝืนคำสั่งประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินซึ่่งระงับใช้รัฐธรรมนูญและอนุญาตให้ตำรวจจับประชาชนได้โดยไม่ต้องพิจารณาคดี
“พวกเขาถูกจับกุมฐานสังหารพลเรือนและกองกำลังความมั่นคง จุดไฟเผาบ้านเรือนและสถาบันทางการเงิน ขนย้ายอาวุธปืนอย่างผิดกฎหมาย ทำลายที่ทำการรัฐบาล ทรัพย์สินสาธารณะ และกีดขวางถนน” Fana รายงาน โดยอ้างจาก ทาเดสเซ ฮอร์โดฟา ประธานคณะกรรมการควบคุมคำสั่งประกาศฉุกเฉิน
เอธิโปเปียเข้าสู่วิกฤตในช่วงปลายปี 2015 เมื่อกลุ่มชาติพันธ์กลุ่มใหญ่สุดของประเทศนี้ ชาวโอโรมาเริ่มการประท้วงต่อต้านแผนการขยายขอบเขตของกรุงแอดดิสอบาบาเข้าสู่แคว้นโอโรเมียที่อยู่ล้อมรอบ
ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินนาน 10 เดือนนี้ที่เริ่มต้นในเดือนตุลาคมปี 2016 ทำให้ความไม่สงบจบลงได้แต่หลังจากการเสียชีวิตของคนหลายร้อยและการจับกุมคนหลายหมื่น
การจับกุมภายใต้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินครั้งล่าสุดนี้ส่วนใหญ่เกินขึ้นในแคว้นโอโรเมีย แต่ก็มีในแคว้นแอมฮาราด้วย ซึ่งกระแสต่อต้านรัฐบาลก็รุนแรงเช่นกัน Fana รายงาน