ซีเอ็นเอ็น/เดลิเมล์ - พนักงานรายหนึ่งของสหประชาชาติออกมาแฉว่าถูกเจ้าหน้าที่ขององค์กรระหว่างประเทศแห่งนี้ล่วงละเมิดทางเพศในลิฟต์ของโรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ พร้อมกล่าวหายูเอ็นทำการสืบสวนคำร้องเรียนของเธอแบบลวกๆ แถมพยายามซุกเรื่องอื้อฉาวนี้ไว้ใต้พรม ด้วยเสนอเลื่อนตำแหน่งให้เธอ
ผู้ที่ออกมาเปิดโปงเรื่องราวอื้อฉาวนี้ได้แก่ มาร์ตินา บรอสตอร์ม ซึ่งเคยทำงานกับโครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติ (UNAIDS) ในหลากหลายตำแหน่งตั้งแต่ปี 2006 โดยตำแหน่งท้ายสุดคือที่ปรึกษาอาวุโส
บรอสตอม ออกมาเปิดเผยรายละเอียดเรื่องนี้เป็นครั้งแรกกับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น โดยอ้างว่าดอคเตอร์หลุยส์ ลอเรส รองผ้อำนวยการ UNAIDS ดันเธอเข้ามุมภายในลิฟต์ของโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองหลวงของไทย ซึ่งเป็นสถานที่จัดการประชุมนานาชาติเมื่อปี 2015 จากนั้นก็ใช้กำลังบังคับจูบปาก ลูบคลำและพยายามลากเธอเข้าไปในห้องของเขา
ลอเรส ปฏิเสธคำกล่าวหาประพฤติตัวไม่เหมาะสมและหลังการสืบสวนยาวนาน 14 เดือน องค์กรอนามัยโลกสรุปว่าคำกล่าวหาของบรอสตอมไม่สามารถพิสูจน์ได้ ผลการสืบสวนที่สร้างความเดือดดาลแก่บรอสตอมเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ บรอสตอร์มแล้ว ยังมีผู้หญิงคนอื่นๆอีก 2 รายที่อาจหาญก้าวออกมากล่าวหาดอคเตอร์ลอเรส ประพฤติผิดทางเพศในลักษณะเดียวกัน ในนั้นรวมถึงเจ้าหน้าที่ยูเอ็นอีกคนซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนามและมาลายาห์ ฮาร์เปอร์ นักเคลื่อนไหวสิทธิสตรี ที่เมื่อเร็วๆนี้เพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นเลขาธิการทั่วไปของ World YWCA องค์กรระดับโลกที่สนับสนุนความเป็นสิทธิและความเป็นผู้นำของสตรี
ลอเรส วัย 61 ปี แถลงเมื่อเดือนที่แล้ว ว่าจะไม่ขอนั่งเก้าอี้ตัวนี้ต่ออีกสมัย หลังจะหมดวาระในช่วงสุดสัปดาห์ แต่ทางโฆษกชี้แจงว่าเหตุผลนั้นไม่เกี่ยวข้องกับคดีล่วงละเมิดทางเพศ
รายงานของซีเอ็นเอ็นระบุว่าเคยมีหลายคนเตือน มิเชล ซิดิเบ ผู้อำนวยการใหญ่ UNAIDS เกี่ยวกับพฤติกรรมของ ลอเรส ต่อผู้หญิงในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา แต่ระหว่างประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่เมื่อเดือนที่แล้ว ซิดิเบ ปฏิเสธว่าไม่เคยได้รับคำเตือนใดๆ
ซิดิเบ ยกย่องการตัดสินใจของ ลอเรส ว่า "กล้าหาญ" และเป็นเรื่องดีสำหรับองค์กร พร้อมบอกว่าพวกเจ้าหน้าที่ยูเอ็นที่ออกมากล่าวอ้างกับสาธารณะว่าถูกล่วงละเมิดทางเพศนั้น "ไม่มีจรรยาบรรณ"
บรอสตอร์ม ซึ่งจบการศึกษาระดับปริญญาโท ด้านสาธารณสุขจากมหาวิทยาลัยลอนดอนและพักอาศัยอยู่ในเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ เล่าว่าเธอเคยได้ยินชื่อเสียงเกี่ยวกับพฤติกรรมชอบแตะเนื้อต้องตัวของลอเรส มาแล้วตั้งแต่ก่อนเดินทางไปร่วมประชุมเรื่องเอดส์ในกรุงเทพฯเมื่อเดือนพฤษภาคม 2015 แต่ไม่คิดว่าตนเองจะต้องมาเจอกับเรื่องร้ายๆแบบนี้
เธอเล่าว่าหลังอยู่ที่ห้องรับแขกของโรงแรม เธอขึ้นลิฟต์ไปพร้อมกับลอเรส แต่ระหว่างนั้นเขาผลักเธอเข้าไปที่มุม "เขาเริ่มดันลิ้นของเขาเข้ามาในปากฉัน พยายามจูบฉัน เขาลูบคลำเรือนร่างของฉัน ในนั้นรวมถึงหน้าอก" บรอสตอร์มเผย "พอประตูลิฟต์เปิด เขาพยายามผลักฉันออกจากลิฟต์ ลากฉันไปที่ห้องของเขา"
อย่างไรก็ตามบรอสตอร์มบอกว่าเธอสะบัดเขาจนหลุดและหลบหนีออกมาได้ จากนั้นก็เข้าไปหลบในห้องของตนเอง โดยคืนนั้นบรอสตอร์มเล่าเหตุการณ์ให้เพื่อนร่วมงาน 3 คนและแม่ของเธอฟัง ซึ่งหมดในเวลาต่อมาได้เข้าให้ปากคำกับคณะสืบสวน
บรอสตอร์ม ใช้เวลานานกว่าปีครึ่งกว่าจะตัดสินใจยื่นร้องเรียนอย่างเป็นทางการต่อลอเรส เนื่องจากตอนนั้นทราบข่าวเกี่ยวกับการจัดระเบียบใหม่ภายในองค์กร UNAIDS และ ลอเรส อาจกลายมาเป็นหนึ่งในผู้บังคับบัญชาโดยตรงของเธอ
โดย บรอสตอร์ม ชี้แจงว่าเหตุผลที่เธอชะลอการยื่นร้องเรียนก็เพราะเกรงว่าพวกผู้บริหารจะไม่จริงจังกับคำกล่าวหาของเธอ หรือไม่เธอก็อาจโดนแก้เผ็ดในที่ทำงาน
แผนกตรวจสอบภายในขององค์การอนามัยโลกได้ลงมือสืบสวบลับเกี่ยวกับพฤติกรรมของลอเรส แต่รองผ้อำนวยการ UNAIDS รายนี้อ้างว่า บรอสตอร์ม ดื่มจนเมามายและกระซิบกระซาบเกี่ยวกับความโปรดปรานทางเพศของเธอ
ในเรื่องนี้ บรอสตอร์ม ยืนยันว่าไม่ได้เมาและปฏิเสธคำกล่าวอ้างของ ลอเรส ที่หาว่าเธอหยิบยกเรื่องรสนิยมทางเพศมาสนทนากับเขา
บรอสตอร์ม ระบุว่าระหว่างการสืบสวน มิเชล ซิดิเบ พยายามโน้มน้าวให้เธอถอนฟ้องและยอมรับคำขอโทษจาก ลอเรส แลกกับการเลื่อนตำแหน่ง
ทั้งซิดิเบและลอเรส ปฏิเสธว่า ลอเรส ไม่เคยต้องการขอโทษ บรอสตอร์ม แต่กระนั้นทาง ซิดิเบ ยอมรับกับคณะสืบสวนขององค์การอนามัยโลกว่า เขาได้บอกกับบรอสตอร์มไปกว่ามันจะเป็นเรื่องดีกว่าที่จะหาทางออกๆหนึ่งเพื่อปกป้องชื่อเสียงขององค์กร และได้พูดคุยเกี่ยวกับหน้าที่การงานของเธอ
บรอสตอร์ม ปฏิเสธข้อเสนอของ ซิดิเบ และการสืบสวนก็ดำเนินต่อไป แต่จากนั้นไม่นาน คณะสืบสวนได้เคลียร์ข้อกล่าวหาที่มีต่อตัว ลอเรส โดยสรุปว่าไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะยืนยันคำกล่าวอ้างของบรอสตอร์ม