รอยเตอร์/MGROnline - บริษัทที่ปรึกษา เมอร์เซอร์ กรุ๊ป เผยผลการจัดอันดับเมืองที่ผู้อยู่อาศัยมีคุณภาพชีวิตดีที่สุดในโลกประจำปี 2018 โดยกรุงเวียนนา เมืองหลวงของออสเตรีย ยังคงรั้งแชมป์ไว้ได้ 9 ปีซ้อน ขณะที่กรุงแบกแดดของอิรักรั้งอันดับบ๊วยตามเดิม ส่วนสิงคโปร์ครองที่ 1 ในเอเชีย
ผลสำรวจคุณภาพชีวิตประชากรใน 231 เมืองใหญ่ทั่วโลก ถือเป็นข้อมูลที่บริษัทและองค์กรต่างๆ จะนำไปใช้พิจารณาจ่ายค่าชดเชย และค่าตอบแทนความยากลำบาก (hardship allowances) ให้แก่พนักงานต่างชาติ โดย เมอร์เซอร์ ได้ใช้เกณฑ์หลายอย่างในการวิเคราะห์ เช่น เสถียรภาพทางการเมือง ระบบสาธารณสุข การศึกษา อาชญากรรม นันทนาการ และการคมนาคมขนส่ง เป็นต้น
ทวีปยุโรปมีเมืองน่าอยู่ที่สุด 10 อันดับแรกของโลกอยู่ถึง 8 เมืองด้วยกัน ได้แก่ เวียนนา (1), ซูริก (2), มิวนิค (3), ดุสเซลดอร์ฟ (6), แฟรงก์เฟิร์ต (7), เจนีวา (8), โคเปนเฮเกน (9) และบาเซิล (10) ส่วนนิวซีแลนด์, แคนาดา และออสเตรเลียติดอันดับประเทศละ 1 เมือง ได้แก่ โอ๊กแลนด์ (3), แวนคูเวอร์ (5) และซิดนีย์ (10)
เวียนนาถูกยกให้เป็นเมืองน่าอยู่ที่สุดในโลกติดต่อกันเป็นปีที่ 9 ด้วยความรุ่มรวยด้านศิลปวัฒนธรรม ระบบสาธารณสุขที่ดี และค่าเช่าที่พักอาศัยซึ่งถูกกว่าเมืองหลวงอื่นๆ ในโลกตะวันตก
แวนคูเวอร์ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 5 ของโลกถือเป็นเมืองที่ผู้อยู่อาศัยมีคุณภาพชีวิตดีที่สุดในอเมริกาเหนือ ขณะที่สิงคโปร์ครองแชมป์เบอร์หนึ่งในเอเชีย และอยู่ในอันดับที่ 25 ของโลกเทียบเท่ากรุงออสโลของนอร์เวย์
4 เมืองน่าอยู่ที่สุดในเอเชียรองจากสิงคโปร์ล้วนตั้งอยู่ในญี่ปุ่นทั้งสิ้น ได้แก่ โตเกียว (50), โกเบ (50), โยโกฮามา (55) และโอซากา (59)
สำหรับกรุงเทพมหานครของไทยถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 132 ของโลก และเป็นที่ 5 ของอาเซียน รองจากสิงคโปร์ (25), กัวลาลัมเปอร์ (85), ยะโฮร์บารู (101) และ บันดาร์เสรีเบกาวัน (106)
แบกแดด ถูกจัดไว้ท้ายตาราง (231) ต่อเนื่องมานานถึง 1 ทศวรรษ อันเป็นผลมาจากสงครามระหว่างฝักฝ่ายต่างๆ ที่ยังสร้างความระส่ำระสายไม่หยุดหย่อนนับตั้งแต่สหรัฐฯ ส่งทหารบุกอิรักเมื่อปี 2003 ขณะที่กรุงบังกีของสาธารณรัฐแอฟริกากลาง (230), กรุงซานาของเยเมน (229), กรุงปอร์โตแปรงซ์ของเฮติ (228), กรุงคาร์ทูมของซูดาน (227) และกรุงอึนจาเมนาของชาด (226) และกรุงดามัสกัสของซีเรีย (225) ถูกจัดรวมอยู่ในกลุ่มท้ายตาราง