(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)
How Xi aims to take Taiwan without pulling a trigger
By Frank Chen
01/02/2018
ลือกันหนาหูว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ปรารถนาที่จะยึดคืนเกาะไต้หวันกลับมาอยู่ในการปกครองของจีนแผ่นดินใหญ่ภายในปี 2022 บางฝ่ายถึงกับมองว่าปักกิ่งอาจจะสามารถลดฐานะไต้หวันให้กลายเป็นเขตบริหารพิเศษเขตหนึ่งของจีนโดยที่ไม่ต้องเปิดศึกทำสงครามเลย
มีข่าวลือแพร่กระจายไปในทั้งสองฟากฝั่งของช่องแคบไต้หวัน ไม่ว่าบนแผ่นดินใหญ่จีนหรือบนเกาะไต้หวัน ตั้งแต่ตอนเริ่มต้นปีที่แล้วว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กำลังครุ่นคิดพิจารณาที่จะยึดคืนเกาะไต้หวันซึ่งกำลังปกครองตนเองและเต็มไปด้วยความดื้อรั้น ด้วยการลงมือโจมตีครั้งเดียวให้จบเสร็จสรรพไปเลย ขณะที่ในหมู่มวลชนชาวจีนก็กำลังมีอารมณ์ความรู้สึกพรักพร้อมที่จะต่อสู้ช่วงชิงเกาะแห่งนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
ข่าวลือบางกระแสไปไกลถึงขนาดบ่งบอกว่า ภายในต้นทศวรรษ 2020 นี้แหละทั้งสองฝ่ายจะต้องเข้าสู้ภาวะแห่งการทำศึก เนื่องจาก สี นั้นไม่เหมือนกับผู้ดำรงตำแหน่งคนอื่นๆ ก่อนหน้าเขา และไม่ได้มีความรู้สึกกังขาหรือลังเลใดๆ ที่จะเปิดสงครามเต็มขนาดเพื่อเข้ายึดคืนดินแดนซึ่งปักกิ่งพิจารณามาโดยตลอดว่าเป็นมณฑลของตนที่กำลังก่อกบฎทรยศชาติ
พวกเขาบอกว่า ปี 2022 คือปีสุดท้ายแห่งวาระที่ 2 ในการดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนของสี ด้วยเหตุนี้มันจึงจะกลายเป็นเส้นตายสำหรับเขาที่จะต้องสำแดงอำนาจอันมากมายมหาศาลไร้การทัดทานจำกัดของเขา เพื่อกอบกู้เกียรติยศศักดิ์ศรีของมหาอาณาจักรแดนมังกรกลับคืนมา หลังจากที่ สี สู้อุตส่าห์ทำให้ “ความฝันจีน” (China dream) และ “การมีส่วนทำให้ชาติคืนพลังกลับมามีชีวิตอีกครั้ง” (great revitalization) กลายเป็นคำขวัญประจำยุคแห่งการปกครองของเขา
“วิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้ของสี จะกลายเป็นเพียงคำพูดซ้ำซากอันว่างเปล่าไปเลย ถ้าหากเขาล้มเหลวไม่สามารถนำเอาไต้หวันกลับคืนมาก่อนวาระ 2 ของเขาสิ้นสุดลง และเมื่อมันเป็นเช่นนี้แล้วล่ะก้อ “ความฝันจีน” ของเขาก็จะกลายเป็นเพียงฝันลมๆ แล้งๆ วาดวิมานในอากาศเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้ตัวเขาเองก็ตระหนักดีอยู่เต็มอก” นักวิเคราะห์ผู้หนึ่งกล่าวให้ความเห็น
ไม่มีใครสงสัยหรอก ในเรื่องที่คณะกรรมการการทหารส่วนกลาง (Central Military Commission) ของจีน และกองทัพปลดแอกประชาชนจีน จะต้องจัดทำตระเตรียมพวกแผนการสู้รบทั้งหลายทั้งปวง ทั้งด้านยุทธวิธีตลอดจนการประจำการกำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์ให้เหมาะสมสอดคล้องกับภาพจำลองสถานการณ์สงครามที่อาจเกิดขึ้นได้ในทุกๆ รูปแบบ รวมทั้งบรรดายุทธศาสตร์ในการป้องปรามหรือในการขจัดปัดเป่าการแทรกแซงเข้ามายุ่งเกี่ยวของสหรัฐฯหรือญี่ปุ่น
โดยที่กองทัพจีนจะต้องกำลังอัปเดตปรับปรุงแผนการเหล่านี้ให้ทันสมัยอยู่สม่ำเสมอ เพื่อสะท้อนความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในทางภูมิรัฐศาสตร์ตลอดจนในแผนการด้านกลาโหมของไต้หวันเอง ทั้งนี้เพื่อให้ สี สามารถหยิบขึ้นมาใช้ถ้าหากเขารู้สึกว่าเวลาสุกงอมแล้วสำหรับการลงมือปฏิบัติการอย่างใหญ่โตมโหฬารและครั้งเดียวเอาให้จบ เพื่อสยบและอ้างสิทธิ์ครอบครองเหนือเกาะแห่งนี้กันใหม่อีกครั้ง
เวลาเดียวกัน จีนกำลังอยู่ในช่วงแห่งความสนุกสนานในการวางกระดูกงูในการต่อในการสร้างทั้งเรือบรรทุกเครื่องบิน, ขีปนาวุธ, เรือคอร์เวตต์, เรือพิฆาต, เรือรบสะเทินน้ำสะเทินบก, และเครื่องบินขับไล่เทคโนโลยีหลบหลีกเรดาร์ จนกำลังเป็นเชื้อเพลิงให้เกิดการคาดเดากะเก็งมากยิ่งขึ้นอีกในเรื่องที่ว่าไต้หวันจะมีโอกาสต้านทานได้แค่ไหน เมื่อสี ผู้ซึ่งได้รับแรงหนุนเนื่องด้วยเจตนารมณ์ของผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหลาย กำลังเตรียมตัวสำหรับสงครามกลางเมืองครั้งใหม่ของจีนเช่นนี้
แต่ขณะที่ผู้สังเกตการณ์จำนวนมากเชื่อว่า จีนกำลังเตรียมความพร้อมของกองทัพและของประเทศชาติเพื่อเปิดการประจันหน้าที่เป็นการวางเดิมพันตัดสินว่าเขาจะได้รับการจดจำบันทึกเอาไว้อย่างไรในประวัติศาสตร์ อันเดร ชาง (Andrei Chang) คอมเมนเตเตอร์ผู้ช่ำชองในเรื่องการให้ความเห็นด้านการทหาร ได้ออกมาตั้งข้อสังเกตในวารสาร คันวะ ดีเฟนซ์ รีวิว (Kanwa Defense Review) ว่า บรรดาเรือรบและอาวุธยุทโธปกรณ์น่าเกรงขามของกองทัพปลดแอกประชาชนจีนเหล่านี้ อาจจะมีไว้เพื่อเตือนวอชิงตันและโตเกียวให้คิดไตร่ตรองทบทวนให้ดีก่อนที่จะก้าวเข้ามายุ่งเกี่ยว และอันที่จริงแล้ว สี อาจจะไม่ต้องเหนี่ยวไกปืนเลยก็ได้ ในเมื่อเวลานี้เขามีทางเลือกซึ่งไม่ใช่ด้านการทหารอยู่เป็นชุดใหญ่ที่เขาสามารถนำออกมาใช้ได้
ซูเปอร์มีเดีย (SuperMedia) วารสารทางด้านกระแสเหตุการณ์โลกปัจจุบันรายเดือนที่ตั้งสำนักงานอยู่ในฮ่องกง รายงานเอาไว้เช่นกันว่า ในบรรดาเครื่องมือทางการทูตและทางเศรษฐกิจจำนวนมากที่สามารถงัดเอาออกมาใช้เพื่อปราบปรามไต้หวันให้ยินยอมเชื่อฟังเหล่านี้ ก็รวมถึงการออกหนังสือเดินทางสำหรับเขตบริหารพิเศษไต้หวัน (Taiwan Special Administrative Region passports) และการออก “หูโข่ว”(เอกสารทะเบียนครัวเรือนของจีน) ตลอดจนใบอนุญาตให้พำนักอาศัยอย่างถาวร แก่ชาวไต้หวันที่จำนวนอาจจะสูงถึง 2 ล้านคนซึ่งเวลานี้อาศัยอยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่อยู่แล้ว
รายงานหลายๆ ชิ้นก่อนหน้านี้ยังบ่งบอกให้เห็นว่า ฐานทัพโพ้นทะเลไกลบ้านแห่งแรกของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน ซึ่งตั้งอยู่ตรงบริเวณ “จงอยแอฟริกา” (Horn of Africa) ในประเทศจิบูตี นั้น แท้ที่จริงแล้วมุ่งเล็งเป้าที่ไต้หวัน เนื่องจากเกาะไต้หวันนั้นขาดแคลนทรัพยากรอันจำเป็น จึงต้องพึ่งพาอาศัยเส้นทางน้ำแคบๆ ซึ่งเชื่อมระหว่างคลองสุเอซกับทะเลอาหรับ สำหรับการนำเข้าน้ำมันจากตะวันออกกลาง รวมทั้งเป็นช่องทางทำการค้าขายกับยุโรป ทีนี้จากฐานทัพที่จิบูตี กองทหารของกองทัพปลดแอกประชาชนจีนสามารถที่ออกสกัดกั้นพวกเรือบรรทุกน้ำมันซึ่งกำลังขนส่งเชื้อเพลิงสำคัญยิ่งนี้ไปยังไต้หวัน และปิดตายเส้นเลือดใหญ่ทางการค้าของเกาะแห่งนี้ได้ภายในเวลาสั้นๆ
ชาง คอมเมนเตเตอร์ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารบอกด้วยว่า การที่ปักกิ่งไปทำการลงทุนและซื้อหากิจการต่างๆ อย่างบ้าเลือด โดยตั้งเป้าหมายที่การเข้าถือหุ้นในกิจการเหมืองแร่, แหล่งน้ำมัน, และกิจการด้านพลังงานต่างๆ ในบรรดาประเทศซึ่งอยู่ใน “เส้นทางสายไหมใหม่ หรือที่ขนานนามกันว่า แผนการริเริ่ม “แถบและเส้นทาง” (Belt and Road) ก็อาจก่อให้เกิดภัยอันตรายต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของไต้หวันได้เช่นกัน ถ้าหากปักกิ่งประกาศใช้มาตรการห้ามไม่ให้ส่งน้ำมันดิบและทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆ แก่เกาะแห่งนี้
มาตรการต่างๆ ชุดใหญ่ในทางเศรษฐกิจ, การค้า, การเงิน, และโลจิสติกส์เหล่านี้ ยังไม่ถึงขนาดเปิดศึกทำสงครามต่อสู้โจมตีไต้หวัน ดังนั้นจึงไม่ได้เป็นการเปิดช่องให้วอชิงตันเข้ามาแทรกแซงยุ่งเกี่ยว กระนั้นก็ตามเมื่อเวลาผ่านไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง มันก็อาจบังเกิดผลในทางบีบบังคับให้ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ของไต้หวันต้องเข้ามาเจรจาตกลงเงื่อนไขต่างๆ กับ สี และต้องยอมรับสิ่งต่างๆ ที่เขาตระเตรียมเอาไว้ เพื่อการทำข้อตกลงสร้าง “เขตบริหารพิเศษไต้หวันแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน” ขึ้นมาในอนาคต
How Xi aims to take Taiwan without pulling a trigger
By Frank Chen
01/02/2018
ลือกันหนาหูว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ปรารถนาที่จะยึดคืนเกาะไต้หวันกลับมาอยู่ในการปกครองของจีนแผ่นดินใหญ่ภายในปี 2022 บางฝ่ายถึงกับมองว่าปักกิ่งอาจจะสามารถลดฐานะไต้หวันให้กลายเป็นเขตบริหารพิเศษเขตหนึ่งของจีนโดยที่ไม่ต้องเปิดศึกทำสงครามเลย
มีข่าวลือแพร่กระจายไปในทั้งสองฟากฝั่งของช่องแคบไต้หวัน ไม่ว่าบนแผ่นดินใหญ่จีนหรือบนเกาะไต้หวัน ตั้งแต่ตอนเริ่มต้นปีที่แล้วว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กำลังครุ่นคิดพิจารณาที่จะยึดคืนเกาะไต้หวันซึ่งกำลังปกครองตนเองและเต็มไปด้วยความดื้อรั้น ด้วยการลงมือโจมตีครั้งเดียวให้จบเสร็จสรรพไปเลย ขณะที่ในหมู่มวลชนชาวจีนก็กำลังมีอารมณ์ความรู้สึกพรักพร้อมที่จะต่อสู้ช่วงชิงเกาะแห่งนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
ข่าวลือบางกระแสไปไกลถึงขนาดบ่งบอกว่า ภายในต้นทศวรรษ 2020 นี้แหละทั้งสองฝ่ายจะต้องเข้าสู้ภาวะแห่งการทำศึก เนื่องจาก สี นั้นไม่เหมือนกับผู้ดำรงตำแหน่งคนอื่นๆ ก่อนหน้าเขา และไม่ได้มีความรู้สึกกังขาหรือลังเลใดๆ ที่จะเปิดสงครามเต็มขนาดเพื่อเข้ายึดคืนดินแดนซึ่งปักกิ่งพิจารณามาโดยตลอดว่าเป็นมณฑลของตนที่กำลังก่อกบฎทรยศชาติ
พวกเขาบอกว่า ปี 2022 คือปีสุดท้ายแห่งวาระที่ 2 ในการดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนของสี ด้วยเหตุนี้มันจึงจะกลายเป็นเส้นตายสำหรับเขาที่จะต้องสำแดงอำนาจอันมากมายมหาศาลไร้การทัดทานจำกัดของเขา เพื่อกอบกู้เกียรติยศศักดิ์ศรีของมหาอาณาจักรแดนมังกรกลับคืนมา หลังจากที่ สี สู้อุตส่าห์ทำให้ “ความฝันจีน” (China dream) และ “การมีส่วนทำให้ชาติคืนพลังกลับมามีชีวิตอีกครั้ง” (great revitalization) กลายเป็นคำขวัญประจำยุคแห่งการปกครองของเขา
“วิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้ของสี จะกลายเป็นเพียงคำพูดซ้ำซากอันว่างเปล่าไปเลย ถ้าหากเขาล้มเหลวไม่สามารถนำเอาไต้หวันกลับคืนมาก่อนวาระ 2 ของเขาสิ้นสุดลง และเมื่อมันเป็นเช่นนี้แล้วล่ะก้อ “ความฝันจีน” ของเขาก็จะกลายเป็นเพียงฝันลมๆ แล้งๆ วาดวิมานในอากาศเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้ตัวเขาเองก็ตระหนักดีอยู่เต็มอก” นักวิเคราะห์ผู้หนึ่งกล่าวให้ความเห็น
ไม่มีใครสงสัยหรอก ในเรื่องที่คณะกรรมการการทหารส่วนกลาง (Central Military Commission) ของจีน และกองทัพปลดแอกประชาชนจีน จะต้องจัดทำตระเตรียมพวกแผนการสู้รบทั้งหลายทั้งปวง ทั้งด้านยุทธวิธีตลอดจนการประจำการกำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์ให้เหมาะสมสอดคล้องกับภาพจำลองสถานการณ์สงครามที่อาจเกิดขึ้นได้ในทุกๆ รูปแบบ รวมทั้งบรรดายุทธศาสตร์ในการป้องปรามหรือในการขจัดปัดเป่าการแทรกแซงเข้ามายุ่งเกี่ยวของสหรัฐฯหรือญี่ปุ่น
โดยที่กองทัพจีนจะต้องกำลังอัปเดตปรับปรุงแผนการเหล่านี้ให้ทันสมัยอยู่สม่ำเสมอ เพื่อสะท้อนความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในทางภูมิรัฐศาสตร์ตลอดจนในแผนการด้านกลาโหมของไต้หวันเอง ทั้งนี้เพื่อให้ สี สามารถหยิบขึ้นมาใช้ถ้าหากเขารู้สึกว่าเวลาสุกงอมแล้วสำหรับการลงมือปฏิบัติการอย่างใหญ่โตมโหฬารและครั้งเดียวเอาให้จบ เพื่อสยบและอ้างสิทธิ์ครอบครองเหนือเกาะแห่งนี้กันใหม่อีกครั้ง
เวลาเดียวกัน จีนกำลังอยู่ในช่วงแห่งความสนุกสนานในการวางกระดูกงูในการต่อในการสร้างทั้งเรือบรรทุกเครื่องบิน, ขีปนาวุธ, เรือคอร์เวตต์, เรือพิฆาต, เรือรบสะเทินน้ำสะเทินบก, และเครื่องบินขับไล่เทคโนโลยีหลบหลีกเรดาร์ จนกำลังเป็นเชื้อเพลิงให้เกิดการคาดเดากะเก็งมากยิ่งขึ้นอีกในเรื่องที่ว่าไต้หวันจะมีโอกาสต้านทานได้แค่ไหน เมื่อสี ผู้ซึ่งได้รับแรงหนุนเนื่องด้วยเจตนารมณ์ของผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหลาย กำลังเตรียมตัวสำหรับสงครามกลางเมืองครั้งใหม่ของจีนเช่นนี้
แต่ขณะที่ผู้สังเกตการณ์จำนวนมากเชื่อว่า จีนกำลังเตรียมความพร้อมของกองทัพและของประเทศชาติเพื่อเปิดการประจันหน้าที่เป็นการวางเดิมพันตัดสินว่าเขาจะได้รับการจดจำบันทึกเอาไว้อย่างไรในประวัติศาสตร์ อันเดร ชาง (Andrei Chang) คอมเมนเตเตอร์ผู้ช่ำชองในเรื่องการให้ความเห็นด้านการทหาร ได้ออกมาตั้งข้อสังเกตในวารสาร คันวะ ดีเฟนซ์ รีวิว (Kanwa Defense Review) ว่า บรรดาเรือรบและอาวุธยุทโธปกรณ์น่าเกรงขามของกองทัพปลดแอกประชาชนจีนเหล่านี้ อาจจะมีไว้เพื่อเตือนวอชิงตันและโตเกียวให้คิดไตร่ตรองทบทวนให้ดีก่อนที่จะก้าวเข้ามายุ่งเกี่ยว และอันที่จริงแล้ว สี อาจจะไม่ต้องเหนี่ยวไกปืนเลยก็ได้ ในเมื่อเวลานี้เขามีทางเลือกซึ่งไม่ใช่ด้านการทหารอยู่เป็นชุดใหญ่ที่เขาสามารถนำออกมาใช้ได้
ซูเปอร์มีเดีย (SuperMedia) วารสารทางด้านกระแสเหตุการณ์โลกปัจจุบันรายเดือนที่ตั้งสำนักงานอยู่ในฮ่องกง รายงานเอาไว้เช่นกันว่า ในบรรดาเครื่องมือทางการทูตและทางเศรษฐกิจจำนวนมากที่สามารถงัดเอาออกมาใช้เพื่อปราบปรามไต้หวันให้ยินยอมเชื่อฟังเหล่านี้ ก็รวมถึงการออกหนังสือเดินทางสำหรับเขตบริหารพิเศษไต้หวัน (Taiwan Special Administrative Region passports) และการออก “หูโข่ว”(เอกสารทะเบียนครัวเรือนของจีน) ตลอดจนใบอนุญาตให้พำนักอาศัยอย่างถาวร แก่ชาวไต้หวันที่จำนวนอาจจะสูงถึง 2 ล้านคนซึ่งเวลานี้อาศัยอยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่อยู่แล้ว
รายงานหลายๆ ชิ้นก่อนหน้านี้ยังบ่งบอกให้เห็นว่า ฐานทัพโพ้นทะเลไกลบ้านแห่งแรกของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน ซึ่งตั้งอยู่ตรงบริเวณ “จงอยแอฟริกา” (Horn of Africa) ในประเทศจิบูตี นั้น แท้ที่จริงแล้วมุ่งเล็งเป้าที่ไต้หวัน เนื่องจากเกาะไต้หวันนั้นขาดแคลนทรัพยากรอันจำเป็น จึงต้องพึ่งพาอาศัยเส้นทางน้ำแคบๆ ซึ่งเชื่อมระหว่างคลองสุเอซกับทะเลอาหรับ สำหรับการนำเข้าน้ำมันจากตะวันออกกลาง รวมทั้งเป็นช่องทางทำการค้าขายกับยุโรป ทีนี้จากฐานทัพที่จิบูตี กองทหารของกองทัพปลดแอกประชาชนจีนสามารถที่ออกสกัดกั้นพวกเรือบรรทุกน้ำมันซึ่งกำลังขนส่งเชื้อเพลิงสำคัญยิ่งนี้ไปยังไต้หวัน และปิดตายเส้นเลือดใหญ่ทางการค้าของเกาะแห่งนี้ได้ภายในเวลาสั้นๆ
ชาง คอมเมนเตเตอร์ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารบอกด้วยว่า การที่ปักกิ่งไปทำการลงทุนและซื้อหากิจการต่างๆ อย่างบ้าเลือด โดยตั้งเป้าหมายที่การเข้าถือหุ้นในกิจการเหมืองแร่, แหล่งน้ำมัน, และกิจการด้านพลังงานต่างๆ ในบรรดาประเทศซึ่งอยู่ใน “เส้นทางสายไหมใหม่ หรือที่ขนานนามกันว่า แผนการริเริ่ม “แถบและเส้นทาง” (Belt and Road) ก็อาจก่อให้เกิดภัยอันตรายต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของไต้หวันได้เช่นกัน ถ้าหากปักกิ่งประกาศใช้มาตรการห้ามไม่ให้ส่งน้ำมันดิบและทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆ แก่เกาะแห่งนี้
มาตรการต่างๆ ชุดใหญ่ในทางเศรษฐกิจ, การค้า, การเงิน, และโลจิสติกส์เหล่านี้ ยังไม่ถึงขนาดเปิดศึกทำสงครามต่อสู้โจมตีไต้หวัน ดังนั้นจึงไม่ได้เป็นการเปิดช่องให้วอชิงตันเข้ามาแทรกแซงยุ่งเกี่ยว กระนั้นก็ตามเมื่อเวลาผ่านไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง มันก็อาจบังเกิดผลในทางบีบบังคับให้ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ของไต้หวันต้องเข้ามาเจรจาตกลงเงื่อนไขต่างๆ กับ สี และต้องยอมรับสิ่งต่างๆ ที่เขาตระเตรียมเอาไว้ เพื่อการทำข้อตกลงสร้าง “เขตบริหารพิเศษไต้หวันแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน” ขึ้นมาในอนาคต