รอยเตอร์/บีบีซีนิวส์ - กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) แถลงยอมรับในวันเสาร์ (16 ธ.ค.) ว่า ทางกระทรวงจัดทำโครงการติดตามสอบสวนเรื่อง ยูเอฟโอ หรือ “จานบิน” โดยใช้เงินไปหลายสิบล้านดอลลาร์ ทว่า ขณะที่เพนตากอนบอกว่าโปรแกรมนี้ยุติลงในปี 2012 มันกลับไม่มีความชัดเจนแน่นอนว่ากระทรวงยังมีการติดตามยูเอฟโอต่อไปอีกหรือไม่ โดยใช้งบประมาณจากที่อื่นๆ
หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ รายงานในวันเสาร์ (17) ว่า โปรแกรมที่มีภารกิจในการติดตามสอบสวนการพบเห็น ยูเอฟโอ (UFOs ย่อมาจาก unidentified flying objects วัตถุบินที่ไม่สามารถระบุที่มาได้ หรือเรียกขานกันทั่วไปในภาษาไทยว่า จานบิน) นี้ เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2007 และยุติลงในปี 2012 โดยได้รับเงินรวม 22 ล้านดอลลาร์ จากงบประมาณประจำปี ซึ่งแฝงเร้นอยู่อย่างลับๆ ในงบประมาณรวมของเพนตากอนที่มีมูลค่าระดับปีละหลายแสนล้านดอลลาร์
ตามข่าวของนิวยอร์กไทมส์ เอกสารต่างๆ จากการดำเนินการในโครงการนี้ พูดถึงการพบเห็นเครื่องบินและวัตถุลอยตัวได้ต่างๆ ซึ่งมีอัตราความเร็วที่แปลกประหลาด
ทว่า พวกนักวิทยาศาสตร์แสดงความสงสัยข้องใจ และยังคงเห็นย้ำว่า ปรากฏการณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้ทั้งหลาย ไม่จำเป็นว่าจะต้องกลายเป็นหลักฐานพิสูจน์ให้เห็นว่ามีสิ่งมีชีวิตนอกโลกจริงๆ
มีเจ้าหน้าที่กระทรวงเพียงจำนวนน้อยซึ่งทราบเรื่องโปรแกรมที่ใช้ชื่อว่า “โครงการเพื่อการระบุภัยคุกคามทางการบินอวกาศระดับก้าวหน้า (Advanced Aerospace Threat Identification Programme) นี้ โดยตอนเริ่มแรกทีเดียว การจัดสรรเงินให้แก่โครงการนี้ ที่สำคัญแล้ว เนื่องมาจากคำขอของ แฮร์รี รีด ซึ่งเวลานั้นเป็น วุฒิสมาชิกจากรัฐเนวาดา และก็เป็นผู้นำของ ส.ว. พรรคเดโมแครต รวมทั้งเป็นที่ทราบกันมานานแล้วว่าเขามีความกระตือรือร้นสนใจเกี่ยวกับปรากฏการณ์ต่างๆ ในอวกาศ รายงานของนิวยอร์กไทมส์ ระบุ
หนังสือพิมพ์นี้รายงานว่า ตามคำบอกเล่าของพวกที่สนับสนุนโครงการ จนกระทั่งถึงตอนนี้โปรแกรมนี้ยังคงมีอยู่ และพวกเจ้าหน้าที่ยังคงคอยติดตามสอบสวนกรณีต่างๆ เกี่ยวกับการพบเห็นปรากฏการณ์ทางอากาศที่ผิดปกติและวัตถุต้องสงสัยต่างๆ เคียงคู่ไปกับการปฏิบัติหน้าที่ประจำวันของพวกเขา
ทางด้านกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯเอง กล่าวยอมรับอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับความเป็นไปของโปรแกรมนี้ เมื่อสำนักข่าวรอยเตอร์สอบถามไป
“โครงการเพื่อการระบุภัยคุกคามทางการบินอวกาศระดับก้าวหน้า ยุติลงในกรอบเวลาปี 2012” ลอรา โอชัว โฆษกหญิงของเพนตากอนตอบกลับมาทางอีเมล
“มีการวินิจฉัยตัดสินว่า มีประเด็นปัญหาอื่นๆ ที่มีลำดับความสำคัญสูงกว่าซึ่งสมควรที่จะได้รับเงินงบประมาณ และมันเป็นผลประโยชน์ดีที่สุดสำหรับทางกระทรวง ที่จะดำเนินการเปลี่ยนแปลง” เธออธิบาย
ทว่าเพนตากอนพูดชัดเจนน้อยลง ต่อคำถามที่ว่าโปรแกรมยูเอฟโอนี้ยังคงถูกแปะเอาไว้ที่ไหนสักแห่งหนึ่งในจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯหรือเปล่า
“กระทรวงถือเป็นเรื่องจริงจัง สำหรับภัยคุกคามทั้งหลายทั้งปวงหรือสิ่งที่มีศักยภาพจะกลายเป็นภัยคุกคามทั้งหลายทั้งปวง ต่อประชาชนของเรา, ทรัพย์สินของเรา, และภารกิจของเรา และลงมือกระทำการในเมื่อเกิดมีข้อมูลข่าวสารซึ่งน่าเชื่อถือปรากฏขึ้นมา” โอชัว กล่าวแบบรวมๆ
สิ่งที่น่าสงสัยข้องใจน้อยกว่านั้นก็คือ อดีตวุฒิสมาชิกรีด เป็นผู้ที่มีความกระตือรือร้นเรื่องยูเอฟโอ
“ถ้าคุณได้พูดจากับ แฮร์รี รีด แม้สัก 60 วินาทีแล้ว คุณจะพบว่า เรื่องน่าประหลาดใจน้อยที่สุดทีเดียวคือเรื่องที่เขารักชอบยูเอฟโอ และเขาเป็นผู้ที่มีบทบาทคนหนึ่งในการศึกษาเรื่องนี้” คริสเทน ออร์ธมาน อดีตโฆษกของรีด กล่าวในข้อความที่โพสต์ขึ้นทวิตเตอร์
ขณะที่ตัวรีดเองบอกกับนิวยอร์กไทมส์ ว่า “ผมไม่ได้รู้สึกเก้อเขินหรือละอายหรือเสียใจอะไรเลย สำหรับการที่ผมผลักดันเรื่องนี้ ผมน่ะได้ทำบางสิ่งบางอย่างซึ่งไม่เคยมีคนอื่นได้ทำมาก่อน”
ขณะเดียวกัน มีอดีตเจ้าหน้าที่รัฐสภาสหรัฐฯผู้หนึ่ง บอกกับเว็บไซต์ข่าว “โพลิติโค” ว่า โปรแกรมนี้อาจจะจัดทำขึ้นมาเพื่อเฝ้าติดตามความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของพวกมหาอำนาจต่างประเทศที่เป็นคู่แข่งของสหรัฐฯ
ปรากฏการณ์แปลกประหลาดที่พบเห็นกัน “คือ การที่จีนหรือรัสเซียกำลังพยายามทำบางสิ่งบางอย่างอยู่ หรือมีระบบขับดันบางอย่าง ซึ่งเราเองยังไม่มีความคุ้นเคยหรือเปล่า” เจ้าหน้าที่เหล่านี้ยกตัวอย่าง
ก่อนหน้านี้ ในปีนี้ สำนักงานข่าวกรองกลางของสหรัฐฯ (ซีไอเอ) ได้นำเอาเอกสารที่ถูกลดชั้นความลับแล้วเป็นจำนวนหลายล้านหน้าออกมาเผยแพร่ทางออนไลน์
ในจำนวนนี้มีเอกสารซึ่งรายงานการพบเห็นยูเอฟโอ และแฟ้มรวบรวมรายงานเกี่ยวกับจานบิน