xs
xsm
sm
md
lg

InPics:“ปักกิ่งเร่ง “ไทย” ให้รีบจับตัว “20 อุยกูร์” ทุบห้องกักตม.หนีมารับโทษด่วน!! เตือนยังตามสถานการณ์ใกล้ชิด ฝ่ายไทยชี้ “หนีเข้ามาเลเซียหมดแล้ว”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


รอยเตอร์/MGRออนไลน์ - กระทรวงต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์วันนี้(21 พ.ย)ชี้ ปักกิ่งได้ติดต่อหน่วยงานไทยที่รับผิดชอบในการติดตามมุสลิมอุยกูร์จากจีนจำนวน 20 คนที่แอบหนีออกจากห้องกักตัวของตม.สงขลาไปก่อนหน้า ให้เร่งติดตามจับกุมคนเหล่านี้เพื่อมารับโทษ โดยชี้ว่าทางการจีนพร้อมให้ความร่วมมือกับไทยอย่างใกล้ชิดในการตามหาผู้หลบหนี และจะยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้านฝ่ายไทยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแถลงยอมรับ ส่วนใหญ่หนีเข้ามาเลเซียได้หมด ตามจับกลับมาได้แค่ 5 คน กำลังประสานให้ฝ่ายมาเลย์ช่วย


รอยเตอร์รายงานวันนี้(21 พ.ย)ว่า ทางการจีนออกแถลงการณ์เร่งให้ฝ่ายไทยติดตามมุสลิมอุยกูร์ที่หลบหนีเข้าไทยจากจีน แต่แอบเจาะห้องขังจนหลบออกไปได้นั้น ให้ช่วยเร่งตามจับตัวกลับมาเพื่อรับโทษอย่างเร่งด่วน

โดยในรายงานเบื้องต้นของสื่อในประเทศไทยก่อนหน้าพบว่ามุสลิมอุยกูร์จำนวน 25 คนได้แอบเจาะผนังห้องกักขังบริเวณอาคารกักกันคนต่างด้าวของตม.สงขลาซึ่งอยู่ชั้นล่างจนเป็นรูขนาดใหญ่ 1 ฟุต* 1ฟุต จำนวน 2 รู และใช้ผ้าต่อกันเพื่อโรยตัวลงมาหลบหนีจากความสูงระดับ 3 ม. ซึ่งพบว่ามีมุสลิมอุยกูร์ทั้งหมด 20 คนจาก 25 คนสามารถเล็ดลอดหลบหนีออกไปได้ ก่อนที่จะรวมกันเป็นกลุ่มแล้วออกมาทางประตูด้านหน้า ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลา 02.00 น. ของวันจันทร์(20 พ.ย)

อย่างไรก็ตามสื่อไทยไม่ได้รายงานว่า ทางประตูหน้านั้นมีการเผ้าระวังหรือไม่ หรือเหตุใดกลุ่มผู้หลบหนีสามารถผ่านออกไปเป็นกลุ่มใหญ่ได้ แต่ทว่าบริเวณห้องกักซึ่งเป็นที่เกิดเหตุ พบว่ามีเจ้าหน้าที่เวรยามเฝ้าตลอด 24 ชั่วโมง

ซึ่งหลังเกิดเหตุทางการฝ่ายไทยได้ส่งกำลังจากทั้งหน่วยชุด K9 (ชุดสุนัข) ตชด.437 ทหารร้อย ร. 5021 อาสารักษาดินแดน และตำรวจ สภ.สะเดาพื้นที่เกิดเหตุ รวมทั้งหมดกว่า 30 นาย และได้ติดตามไล่ล่าตามบริเวณแนวชายแดนไทยมาเลเซีย

พบว่ามุสลิมอุยกูร์ทั้งหมดนี้ถูกทางการไทยจับกุมตัวมาตั้งปี 2558 หรือ 2 ปีก่อนหน้า แต่ตามรายงานข่าวของสื่อไทยชี้ว่า คนเหล่านี้ยังต้องอยู่ในการควบคุมเพราะยังคงอยู่ในระหว่างการดำเนินคดี โดยในรายการข่าวยามเช้าริมเจ้าพระยาของสถานีโทรทัศน์ News1 รายงานวันนี้(21 พ.ย)ว่า คนทั้ง 25 คนนั้นเป็นชาวอุยกูร์ที่ไม่สมัครใจเดินทางกลับไปประเทศบ้านเกิดคือ ประเทศจีน ซึ่งคนทั้งหมดได้รับการสืบสัญชาติเป็นที่เรียบร้อย จึงทำให้ทางการไทยต้องรับเลี้ยงดูไว้

ในขณะที่ MGR ออนไลน์รายงานวันนี้(21 พ.ย)ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกมายอมรับอย่างตรงไปตรงมากับนักข่าวที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อช่วงบ่ายว่า กลุ่มมุสลิมอุยกูร์ที่ทุบห้องกักตม.สงขลานั้นในขณะนี้สามารถหลบหนีเข้าไปในประเทศเพื่อนบ้านได้แล้ว และยืนยันว่า “กำลังอยู่ในระหว่างประสานกับทางมาเลเซียให้ช่วยจับตัวกลับไทย”

ซึ่งตามการให้สัมภาษณ์ของพล.อ.ประวิตรพบว่า ทางไทยสามารถตามมุสลิมยกูร์ที่แหกห้องขังกลับมาได้ 5 คนในเวลานี้ ส่วนที่เหลือ พล.อ.ประวิตรระบุว่า ได้หลบหนีออกไปยังประเทศมาเลเซีย

รอยเตอร์อ้างว่า กลุ่มมุสลิมอุยกูร์ที่เจาะห้องกักตัวออกไปได้สำเร็จในวันจันทร์(20 พ.ย)นั้นเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มมุสลิมอุยกูร์จำนวนมากกว่า 200 คนที่ถูกควบคุมตัวในไทยในปี 2014 ซึ่งในรายงานของรอยเตอร์ชี้ว่า พบว่ากลุ่มมุสลิมอุยกูร์เหล่านี้ต่างอ้างตัวว่า เป็นพลเมืองเติร์ก และได้ร้องขอให้ทางการไทยส่งพวกเขากลับไปยังตุรกี แต่กลับพบว่ามีจำนวนมากกว่า 100 คนถูกบังคับส่งไปยังจีนในเดือนกรกฎาคม 2015 ซึ่งทำให้ประชาคมโลกต่างออกมาประณามทางการไทยในครั้งนั้น โดยทางกลุ่มสิทธิมนุษยชนต่างๆพากันกลัวว่า กลุ่มมุสลิมอุยกูร์ที่ถูกส่งไปถึงจีนแล้ว จะถูกทรมาน

ทั้งนี้ในการให้สัมภาษณ์ของพล.อ.ประวิตรวันนี้(21 พ.ย) บิ๊กป้อมยืนยันอย่างหนักแน่นว่า ทางไทยพร้อมส่งตัวต่อให้ชาติที่ 3 เป็นต้นว่า เด็กและผู้หญิง แต่ยังชี้ว่า หากเป็นในกรณี “พวกก่อเรื่อง” หรือพวกมีคดีติดตัว พล.อ.ประวิตรชี้ว่า “แต่ถ้าเป็นคนที่ก่อเรื่องก่อราวไว้กับประเทศต้นทาง จะส่งไปประเทศที่ 3 ไม่ได้ ต้องส่งกลับไป” ซึ่งหมายถึงประเทศต้นทางที่คนเหล่านี้เดินทางออกมา

การให้สัมภาษณ์ของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแถลงว่า ทางการไทยจำเป็นต้องตรวจสอบที่มาของคนทั้งหมดเหล่านี้ ซึ่งฝ่ายไทยยอมรับในวันอังคาร(21 พ.ย)ว่า ในปัจจุบันนี้ทางการไทยมีมุสลิมอุยกูร์อยู่ในความควบคุมราว 100-200 คน

ซึ่งในวันนี้(21 พ.ย) ทางการปักกิ่งได้ออกแถลงการณ์ผ่านทางโฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน หลู กัง( Lu Kang) ได้กล่าวว่า “จีนได้จัดการติดต่อประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยให้เร่งนำคนเหล่านี้กลับมารับโทษ”

และโฆษกของจีนยังชี้ว่า ทางฝ่ายจีนจะยังคงให้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับไทยในเรื่องผู้ถูกกักขังหลบหนี และเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

รอยเตอร์รายงานว่า ที่ผ่านมารัฐบาลปักกิ่งได้ประณามเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ที่ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนหลายร้อยคนว่า เป็นฝีมือของกลุ่มมุสลิมแบ่งแยกดินแดนในพื้นที่ แต่ทว่ากลุ่มสิทธิมนุษยชนและบรรดาชาวมุสลิมอุยกูร์ที่สามารถหลบหนีออกมาได้ต่างออกมาชี้ว่า เกิดมาจากความโกรธแค้นต่อปักกิ่งที่ควบคุมอย่างเข้มงวดต่อชาวอุยกูร์ที่อาศัยอยู่ในแคว้นทั้งทางด้านศาสนาและวัฒนธรรม

โดยบีบีซีภาคภาษาไทยได้รายงานเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาว่า ปักกิ่งได้ออกกฎใหม่ ประกาศห้ามมุสลิมอุยกูร์ในซินเจียงไว้เครายาว และสวมคลุมหน้าแบบปิดมิด รวมไปถึง “การปฎิเสธหรือจำกัด” อ้างอิงจากสื่ออัลญาซีเราะฮ์ ของกาตาร์ เป็นต้นว่า รายการวิทยุ รายการโทรทัศน์ การให้บริการสาธารณะ การแต่งงานตามหลักการศาสนาอย่างเดียวโดยไม่ใช้ตามกระบวนการกฎหมายของจีน และการใช้ข้อความ “ฮาลาล” เพื่อละเมิดการใช้ชีวิตเสรีตามแบบจีนของคนอื่น และการห้ามไม่ให้ตั้งชื่อเด็กให้เป็นไปตามชื่อทางศาสนาอย่างชัดเจน ทั้งๆที่ในพื้นที่ซินเจียงมีมุสลิมอุยกูร์อาศัยอยู่ถีง 10 ล้านคน ส่งผลทำให้ชาวอุยกูร์ออกมาประท้วงว่าทางการปักกิ่งกีดกัน และกดขี่ทางวัฒนธรรมและศาสนาต่อพวกตน แต่ทางทางการปักกิ่งปฎิเสธ

รอยเตอร์รายงานต่อว่า เรบียา คาเดียร์ (Rebiya Kadeer) ผู้นำชาวมุสลิมอุยกูร์ที่อยู่ในระหว่างการลี้ภัยได้เรียกร้องให้ทางไทย หรือประเทศใดๆที่พบคนเหล่านี้ให้ปฎิบัติกับพวกเขาหรือเธอตามกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่ให้ส่งคนพวกนี้ให้กับทางการปักกิ่งโดยเด็ดขาด

ในแถลงการณ์ผ่านทางอีเมลของคาเดียร์ที่ผ่านองค์กรสภาคองเกรสโลกแห่งอุยกูร์(World Uyghur Congress) ที่เธอเป็นผู้นำได้กล่าวว่า

“ชาวอุยกูร์ต้องเสี่ยงภัยของการที่จะถูกจับ และความยากลำบากหลังจากที่พวกเขาพยายามที่จะช่วยตัวเองจากการที่ต้องถูกกักตัวโดยไม่มีกำหนดในไทย และจากการถูกเนรเทศกลับไปยังจีน”

และในแถลงการณ์ยังกล่าวต่อว่า “ [ไม่ว่าคนเหล่านี้]เป็นพลเมืองเติร์กจริงเหมือนอย่างที่พวกเขาอ้าง หรือเป็นพลเมืองจีนเหมือนตามที่จีนได้ประกาศไว้ ความเป็นจริงที่ไม่อาจปฎิเสธได้คือ คนเหล่านี้มีเชื้อสายอุยกูร์ ซึ่งกลายเป็นสิ่งที่เพียงพอในโชคชะตาของพวกเขาต่อการต้องถูกจับดำเนินคดีและการถูกลงโทษอย่างโหดร้าย”

รอยเตอร์รายงานว่า เรบียา คาเดียร์ เป็นอดีตนักโทษทางการเมืองในจีนที่ถูกปักกิ่งกล่าวหาว่า เผยแพร่ความลับของรัฐเมื่อปี 1999 และในภายหลังเธอได้รับอนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศบนพื้นฐานทางการแพทย์ และในเวลานี้เธออาศัยอยู่ในสหรัฐฯ

ด้านองค์การนิรโทษสากลแถลงว่า เมื่อไม่กี่เดือนมานี้ ทางการจีนได้จับกุมญาติพี่น้องของคาเดียร์จำนวนถึง 30 คน









กำลังโหลดความคิดเห็น