“สี จิ้นผิง” สอนประวัติศาสตร์จีนทรัมป์ระหว่างพาชมพระราชวังต้องห้าม

เอเอฟพี – ในขณะที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีนพาประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ชมรอบพระราชวังต้องห้ามในปังกิ่งเมื่อวันพุธ (9) เขาได้ถือโอกาสสอนประวัติศาสตร์ให้แก่มหาเศรษฐีอเมริกันรายนี้

ทรัมป์ได้รับการต้อนรับบนพรมแดงในการเยือนอย่างเป็นทางการนาน 3 วัน โดยเริ่มจากพระราชวังโบราณแห่งนี้ที่เขานั่งจิบชากับสีและอวดคลิปวีดิโอหลานสาวร้องเพลงภาษาจีนกลางให้ผู้นำจีนดู

สื่อจีนนำคลิปวีดิโอดังกล่าวมาออกอากาศในทันที โดยสำนักข่าวซินหวาของทางการได้เผยแพร่มันบนบัญชีทวิตเตอร์ ถึงแม้ว่าแพลทฟอร์มนี้จะถูกบล็อคในจีนก็ตาม

พิธีการที่ยิ่งใหญ่และสภาพแวดล้อมเหล่านี้อาจถูกจัดขึ้นเพื่อคลายความร้อนใจของทรัมป์เกี่ยวกับประเด็นตึงเครียดต่างๆ เช่นการเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯของจีนและความสัมพันธ์ของจีนกับเพื่อนบ้านจอมอันธพาลอย่างเกาหลีเหนือ

ไม่มีใครคาดหมายว่าเรื่องประวัติศาสตร์จะถูกยกขึ้นมาเป็นหัวข้อการพูดคุย จนกระทั่งทรัมป์พูดขึ้นว่า เขาได้ยินมาว่าประวัติศาสตร์จีนย้อนกลับไปถึง 5,000 ปีและสีเขยิบเข้ามาใกล้เพื่ออธิบายกับเขาเพิ่มเติม อ้างจากสถานีวิทยุและโทรทัศน์ซีซีทีวี

“เรามีภาษาเขียนที่มีอายุ 3,000 ปี” สีกล่าวผ่านล่ามในขณะที่พวกเขาเดินผ่านลานหินกรวดอันกว้างใหญ่ของพระราชวังต้องห้าม

ทรัมป์ตอบกลับว่า “ผมคิดว่าวัฒนธรรมที่เก่าแก่กว่าคืออียิปต์ที่มีอายุ 8,000 ปี”

จีนมีความภาคภูมิใจอย่างมากกับมรดกตกทอดของพวกเขา โดยเด็กนักเรียนได้รับสั่งสอนแต่เล็กๆ ว่า ประเทศนี้เป็นหนึ่งในสี่อารยธรรมธรรมโบราณที่ยิ่งใหญ่

“อียิปต์เก่าแก่กว่าเล็กน้อย” สี ยอมรับ “แต่อารยธรรมที่ต่อเนื่องจนมาถึงอนาคตมีเพียงแค่จีน”

“ประชาชนของเราเป็นคนพื้นเพ ผมสีดำ ผิวสีเหลือง สืบทอดต่อๆ กันมา” สีหัวเราะ “เราเรียกตนเองว่าลูกหลานของมังกร” ทรัมป์ตอบกลับว่า “นั่นเยี่ยมไปเลย”

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สีสอนประวัติศาสตร์ให้แก่เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์รายนี้ ในระหว่างการพบปะกันครั้งแรกของพวกเขาที่รีสอร์ทมาร์เอลาโกของทรัมป์ในฟลอริดา สีสอนทรัมป์เกี่ยวกับความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯในอดีตซึ่งทรัมป์บอกกับวอลสตรีทเจอร์นัลว่าได้เปลี่ยนแปลงความคิดของเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้

สีแก้ความเข้าใจผิดจากความคิดเห็นของทรัมป์ก่อนหน้านี้ที่ว่า ปักกิ่งสามารถจัดการกับภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือได้โดยง่าย เขากล่าว และระบุว่า “หลังจาฟังอยู่นาน 10 นาที ผมตระหนักได้ว่ามันไม่ง่ายเลย”

ถึงแม้ว่าทรัมป์จะไม่ได้พอใจนักกับการถูกสั่งสอน แต่เขาดูเหมือนว่าจะไม่ได้รังเกียจคำเตือนสติของสี และพูดถึงรัฐบุรุษผู้นี้ในฐานะ “เพื่อน” อยู่บ่อยครั้ง