เอเอฟพี - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ต้องยกเลิกแผนทำเซอร์ไพรส์ไปเยือนเขตปลอดทหาร (demilitarized zone) ที่กั้นสองเกาหลีในวันนี้ (8 พ.ย.) เนื่องจากเจอสภาพอากาศเลวร้าย ซึ่งทำให้เขา “หงุดหงิดมากพอสมควร”
ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้แถลงว่า ประธานาธิบดีมุน แจอิน ซึ่งขึ้นเครื่องบินไปรอต้อนรับ ทรัมป์ ที่นั่นก่อนที่สภาพอากาศจะปิด ถูกทิ้งให้คอยเก้ออยู่ที่ชายแดนซึ่งเต็มไปด้วยรั้วลวดหนาม ดงระเบิด และปราการต้านรถถัง
ทรัมป์ ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ออกจากฐานทัพยองซานในกรุงโซล แต่ก็เผชิญกับหมอกที่ลงจัดจนต้องตัดสินใจบินกลับเมืองหลวง
นอกจากอดีตประธานาธิบดีจอร์จ เอช. ดับเบิลยู. บุช แล้ว ผู้นำสหรัฐฯ คนหลังๆ ล้วนเคยไปเยือนพื้นที่ตรงแนวตะเข็บชายแดนสองเกาหลี ซึ่งเป็นเสมือนเขตกันชนระหว่างกองกำลังของเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือ
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เคยแถลงก่อนหน้านี้ว่า ผู้นำสหรัฐฯ ออกเดินทางทัวร์เอเชียเป็นหนแรกจะไม่ไปเยือนเขตปลอดทหารที่กั้นสองเกาหลี “เพราะเป็นการแสดงออกที่ซ้ำซาก (cliché) ไปหน่อย” หลังจากที่รองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ และรัฐมนตรีกลาโหม เจมส์ แมตทิส ก็ได้ไปที่นั่นมาแล้ว
อย่างไรก็ดี ผู้สื่อข่าวที่ติดตาม ทรัมป์ ได้ถูกเรียกประชุมก่อนกำหนดในวันนี้ (8) และได้รับแจ้งจาก ซาราห์ ฮักคาบี แซนเดอร์ส เลขานุการฝ่ายสื่อของทำเนียบขาวซึ่งถือกระดาษที่เขียนตัวอักษร DMZ เอาไว้ในมือว่า “เราจะไปที่นั่น”
เฮลิคอปเตอร์ “มารีน วัน” ซึ่งพา ทรัมป์ ออกจากฐานทัพอากาศยองซานในกรุงโซลเจอกับหมอกที่ปกคลุมหนาทึบจนต้องหันหัวกลับ คณะของผู้นำสหรัฐฯ ยอมเสียเวลารออีกเกือบ 1 ชั่วโมง ทว่าสภาพอากาศย่ำแย่ลงเรื่อยๆ จนต้องตัดสินใจยกเลิกการเดินทางในที่สุด
“ท่านประธานาธิบดีหงุดหงิดมากพอสมควร” แซนเดอร์ส ระบุ
สำนักข่าวยอนฮัปรายงานว่า ประธานาธิบดี มุน ได้เอ่ยปากชวน ทรัมป์ ให้ไปเยือนเขตปลอดทหารด้วยกันระหว่างประชุมซัมมิตเมื่อวานนี้ (7) ซึ่ง แซนเดอร์ส ชี้ว่าจะเป็น “ช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์” ที่ผู้นำสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ไปปรากฏตัวในพื้นที่ดังกล่าวพร้อมกัน
ทรัมป์ เองก็กล่าวเป็นนัยๆ ระหว่างงานเลี้ยงอาหารค่ำแบบรัฐพิธีเมื่อวานนี้ (7) ว่า “พรุ่งนี้จะเป็นวันที่น่าตื่นเต้นด้วยหลายๆ เหตุผล ซึ่งเดี๋ยวจะได้รู้กัน”
ขณะยืนแถลงข่าวเคียงข้าง มุน เมื่อวานนี้ (7) ทรัมป์ ยืนยันว่า สหรัฐฯ พร้อมจะใช้แสนยานุภาพทางทหารทุกรูปแบบเพื่อป้องกันไม่ให้เกาหลีเหนือกลายเป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์เต็มขั้น อย่างไรก็ตาม ผู้นำสหรัฐฯ ได้เลือกใช้ถ้อยคำที่นุ่มนวลและระมัดระวังมากขึ้น ต่างจากก่อนหน้านี้ที่เคยขู่จะทำลายล้างเกาหลีเหนือด้วย “ไฟและความเกรี้ยวกราด”
“สุดท้ายทุกอย่างจะเรียบร้อย... มันเป็นเช่นนั้นเสมอมา และจะต้องเป็นเช่นนั้น” ทรัมป์ กล่าว
“มันจะเข้าท่ากว่า ถ้าเกาหลีเหนือยอมร่วมวงเจรจา และทำข้อตกลงที่ดีสำหรับชาวเกาหลีเหนือและประชากรทั่วโลก”
สื่อเกาหลีใต้ต่างแสดงความโล่งใจไปตามๆ กันที่การประชุมซัมมิตกับผู้นำปากร้ายแห่งอเมริกาผ่านพ้นไปด้วยดี และไม่มี “เซอร์ไพรส์” ใดๆ
“เรายินดีอย่างยิ่งที่การมาเยือนวันแรกของประธานาธิบดีทรัมป์ ประสบความสำเร็จเรียบร้อยดี” บทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์จุงอังอิลโบ ระบุ
ผู้นำสหรัฐฯ ยังมีกำหนดการแสดงปาฐกถาต่อรัฐสภาเกาหลีใต้ ก่อนจะออกเดินทางต่อไปยังจีน