เอเอฟพี - ประชาชนราว 70,000 คน ในเปอร์โตริโก ได้รับคำสั่งให้อพยพออกจากบ้านเรือนเมื่อวานนี้ (22 ก.ย.) หลังอิทธิพลของพายุเฮอริเคน “มาเรีย” ส่งผลให้ทางระบายน้ำเขื่อนดินแห่งหนึ่งพังเสียหาย เนื่องจากรองรับน้ำฝนปริมาณมหาศาลไม่ไหว
เฮอริเคนมาเรียซึ่งซัดกระหน่ำหมู่เกาะแคริบเบียนในสัปดาห์นี้ คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 33 ราย ขณะที่สำนักงานบริการสภาพอากาศแห่งชาติ (NWS) ในเมืองซานฮวนได้ออกประกาศเตือนน้ำท่วมฉับพลันสำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวฮาตากา ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะ พร้อมเตือนว่าเขื่อนดินเก่าแก่ที่สร้างขึ้นเมื่อทศวรรษ 1920 เสี่ยงที่จะพังทลาย
“ผู้ที่อาศัยอยู่ตามริมฝั่งแม่น้ำกัวฮาตากาจะต้องอพยพทันที ชีวิตของท่านตกอยู่ในอันตราย!” NWS เตือนผ่านทวิตเตอร์ พร้อมย้ำว่าเริ่มมีมวลน้ำไหลบ่าลงมาแล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน ริคาร์โด รอสเซลโล ผู้ว่าการเครือรัฐเปอร์โตริโก ก็ได้ออกคำสั่งอพยพประชาชนราว 70,000 คน ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทันที
หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นเอลโวเซโร อ้างข้อมูลจาก เฮกเตอร์ เปสเกอรา รัฐมนตรีกระทรวงความปลอดภัยสาธารณะ ซึ่งระบุว่า ทางระบายน้ำของเขื่อนกัวฮาตากาพังเสียหาย ทำให้มวลน้ำไหลทะลักกัดเซาะดินบริเวณสันเขื่อนจนเป็นช่องขนาดใหญ่
อย่างไรก็ตาม ประกาศเตือนน้ำท่วมฉับพลันของ NWS มีผลจนถึงเวลา 6.00 GMT เท่านั้น ซึ่งแปลว่าระดับน้ำในแม่น้ำกัวฮาตากาเริ่มที่จะลดลง
เปอร์โตริโกต้องเผชิญอุทกภัยครั้งเลวร้ายหลังจากเฮอริเคนมาเรียซัดถล่มเมื่อวันพุธ (20) และหน่วยกู้ภัยยังคงเร่งช่วยเหลือประชาชนที่ติดอยู่ภายในบ้าน
รอสเซลโล ยกให้เฮอริเคนมาเรียเป็นพายุหมุนที่มีอำนาจทำลายล้างรุนแรงที่สุดในรอบศตวรรษ เนื่องทำให้ไฟฟ้าดับทั่วทั้งเกาะและการสื่อสารแทบจะเป็นอัมพาต เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตในเปอร์โตริโกแล้ว 13 ราย
ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติสหรัฐฯ เตือนว่า อิทธิพลของเฮอริเคนลูกนี้ อาจทำให้บางพื้นที่ของเปอร์โตริโกมีปริมาณฝนตกมากกว่า 40 นิ้ว (เกิน 1 เมตร) ขณะที่ รอสเซลโล ย้ำให้ประชาชนระวังอันตรายจากเหตุโคลนถล่ม
เฮอริเคนมาเรียทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 33 คน รวมถึงที่เกาะโดมินิกา 15 คน, เฮติ 3 คน และกวาเดอลูป อีก 2 คน