สปุตนิก/เอบีซีนิวส์/ MGR Online - รัสเซียและไทยต่างเห็นพ้องกันว่าสหประชาชาติควรเป็นสื่อกลางสำหรับการหาทางยุติความตึงเครียดเกี่ยวกับเกาหลีเหนือ จากการเปิดเผยของรัฐมนตรีต่างประเทศแดนหมีขาว หลังเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยในกรุงเทพฯ วันพฤหัสบดี (10 ส.ค.)
การเดินทางเยือนไทยของเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย มีขึ้นเพียง 2 วัน หลังจาก เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯเดินทางมากรุงเทพฯ
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ของทั้งสองประเทศต่างเพิ่งเข้าร่วมประชุมกับเหล่าเจ้าหน้าที่จาก 10 ชาติสมาชิกอาเซียนในฟิลิปปินส์ การประชุมซึ่งมุ่งเน้นความสนใจไปที่ประเด็นเกาเหลีเหนือกำลังมีความก้าวหน้าด้านโครงการขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์
ทูตสูงสุดของรัสเซีย ที่อยู่ระหว่างเยือนไทยในสัปดาห์นี้ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 120 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูต เน้นย้ำว่าทั้งรัสเซียและไทยร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดภายในสหประชาชาติ เช่นเดียวกับในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและองค์การต่างๆ ในนั้นรวมถึงสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ลาฟรอฟเปิดเผยหลังการหารือกับนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ว่าพวกเขาเห็นพ้องกันว่าสหประชาชาติควรเป็นสื่อกลางของการคลี่คลายความตึงเครียดในเรื่องเกี่ยวกับเกาหลีเหนืออย่างสันติ ในขณะที่เปียงยางตอบโต้สงครามคำขู่กับสหรัฐฯอย่างไม่ลดราวาศอก
“รัสเซียและไทยสนับสนุนบทบาทกลางของสหประชาชาติในการแก้ปัญหาในภูมิภาค และสนับสนุนแนวทางสันติสำหรับคลี่คลายความขัดแย้งและวิกฤตตามกฎบัตรสหประชาชาติ” ลาฟรอฟเปิดเผยในกรุงเทพฯ
ในการพบปะกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทยเมื่อวันอังคาร (8 ส.ค.) ของ เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ มีรายงานว่า ทิลเลอร์สัน พยายามกดดันไทยจัดการกับบริษัทบังหน้าของเกาหลีเหนือหลายบริษัทที่ใช้กรุงเทพฯ เป็นฐานในภูมิภาคเพื่อส่งเงินกลับประเทศ
นอกจากนี้ ทิลเลอร์สันยังเรียกร้องให้ไทยเพิ่มความเข้มงวดในการออกวีซ่าให้กับชาวเกาหลีเหนือที่ต้องการเดินทางเข้าประเทศ และขอให้ไทยรับผู้ลี้ภัยชาวเกาหลีเหนือ เนื่องจากไทยเป็นประเทศทางผ่านของผู้อพยพชาวเกาหลีเหนือที่หลบหนีผ่านทางจีน ก่อนที่จะเดินทางเข้าลาว กัมพูชาและไทย เพื่อขอลี้ภัยในสถานทูตเกาหลีใต้ในกรุงเทพฯ
สำนักข่าวเอบีซีนิวส์ของสหรัฐฯ รายงานว่า ลาฟรอฟ ไม่ได้แสดงความคิดเห็นโดยตรงเกี่ยวกับพฤติกรรมของเกาหลีเหนือที่ขู่ยิงขีปนาวุธเข้าหาเกาะกวม ดินแดนของอเมริกาในแปซิฟิก และระหว่างการแถลงสรุปนั้น พวกผู้สื่อข่าวก็ไม่ได้ถามถึงเรื่องนี้
ลาฟรอฟเผยว่า เขาหยิบยกประเด็นความปลอดภัยทางไซเบอร์มาหารือและได้รับคำบอกกล่าวว่าไทยกำลังยกระดับความพยายามในเรื่องนี้ “เพื่อนของเราได้แจ้งกับผมว่า จากดำริของนายกรัฐมนตรี พวกเขาต้องการเปิดศูนย์ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ในไทยภายใต้ความช่วยเหลือของอาเซียน”
หลังจากพบปะกับรัฐมนตรีต่างประเทศของไทย นายลาฟรอฟได้เดินทางไปเข้าพบกับ พล.อ.ประยุทธ์ และลงนามแสดงความอาลัยต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช