เอเจนซีส์ - ลี แจยอง รองประธานของซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ กลั้นน้ำตาพร้อมกับปฏิเสธถึงการกระทำผิดใดๆ ในวันจันทร์ (7 ส.ค.) ตอนที่อัยการหาทางทำให้ลีต้องติดคุก 12 ปี จากหลายข้อหา ซึ่งรวมถึงการติดสินบนอดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้เพื่อแลกกับความช่วยเหลือในการรวมบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี
ลี ซึ่งในทางพฤตินัยถือว่าเป็นผู้นำของซัมซุง ได้ถูกควบคุมตัวไว้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ เพื่อทำการพิจารณาคดีในหลายข้อหา ตั้งแต่ฉ้อฉลไปจนถึงให้การเท็จ ในคดีที่อื้อฉาวมานานหลายเดือน ทั้งยังนำไปสู่การขับไล่อดีตประธานาธิบดีพัค กึนฮเย
ในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ ซึ่งเป็น 2 วันก่อนที่จะหมดช่วงระยะเวลาการควบคุมตัว หากศาลตัดสินว่านายใหญ่ซัมซุงมีความผิดจริง เขาจะต้องเจอกับโทษจำคุกที่ยาวนานที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกไว้ สำหรับผู้บริหารกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ของเกาหลีใต้
ส่วนข้อหาอื่นๆ ที่เขาโดนไปนั้นได้รวมถึงเรื่องการถ่ายโอนทรัพย์สินไปนอกประเทศอย่างผิดกฎหมาย และปกปิดรายได้ที่มาจากการกระทำผิดทางอาญา
“ผมไม่เคยขอให้ใคร ซึ่งรวมถึงประธานาธิบดีพัคด้วย ให้ทำอะไรเพื่อเกิดประโยชน์ต่อผมหรือต่อบริษัทเลย” ลีระบุในคำแถลง โดยที่มีเสียงสั่นและต้องหยุดพูดหลายครั้ง ทั้งยังกลั้นน้ำตาอีกด้วย
ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ ไม่ได้แสดงความเห็นในเรื่องข้อเรียกร้องของทางอัยการ แต่ราคาหุ้นของบริษัทลดลง 0.3 เปอร์เซ็นต์ในวันจันทร์ จากที่ตอนแรกมีการปรับขึ้นเล็กน้อยในช่วงก่อนหน้านี้
อัยการระบุว่า ความตั้งใจของซัมซุงที่จะจ่ายเงินให้กับสองกองทุนที่ได้รับการหนุนหลังโดยพัค รวมถึงเรื่องให้การสนับสนุนอาชีพนักขี่ม้าของลูกสาวเพื่อนสนิทผู้นำเกาหลีใต้ เพื่อที่จะแลกกับการสนับสนุนจากรัฐบาลในการรวมกิจการในอาณาจักรทางธุรกิจเพื่อให้อยู่ภายใต้การควบคุม
“แม้ว่าลีจะเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ในท้ายที่สุด เขาก็ยังโทษผู้ถูกกล่าวหารายอื่น” อัยการ ปาร์ก ยังซู บอกต่อศาล
ปาร์กยังขอให้มีการลงโทษจำคุกต่อผู้บริหารคนอื่นๆ ของซัมซุงที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย ซึ่งรวมถึงโทษจำคุก 10 ปีสำหรับ ชอย กีซุง หัวหน้าสำนักงานด้านกลยุทธบริษัทของซัมซุง
ทนายของลีได้แย้งว่า ความตั้งใจที่จะเข้ารวบธุรกิจให้อยู่ภายใต้การควบคุมนั้นเป็นสิ่งที่อัยการแต่งเรื่องราวขึ้นมาเอง การควบรวมบริษัท 2 แห่งในเครือซัมซุงเมื่อปี 2015 นั้นทำไปเพื่อให้แน่ใจว่าทั้งสองบริษัทนั้นจะสามารถอยู่รอดและเติบโตได้