เอเจนซีส์ - รายงานของรัฐบาลเมืองเบียร์ ระบุว่า เยอรมนีตกเป็นเป้าหมายใหญ่ของการสอดแนมและการโจมตีด้านไซเบอร์ โดยฝีมือรัฐบาลต่างชาติ อาทิ ตุรกี รัสเซีย จีน พร้อมเตือนให้ระวัง "ระเบิดเวลา" ที่อาจทำลายโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ
รายงานประจำปีที่มีความยาว 339 หน้าของหน่วยข่าวกรอง BfV ระบุว่า การจารกรรมนั้นทำให้บรรดาอุตสาหกรรมในเยอรมนีสูญเงินหลายพันล้านยูโรในแต่ละปี โดยที่ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางมักจะเป็นผู้ที่เจ็บตัวหนักที่สุดจากเรื่องพวกนี้
รายงานได้ระบุถึงขอบเขตภัยคุกคามความมั่นคง ซึ่งรวมถึงเรื่องกลุ่มติดอาวุธมุสลิม และความรุนแรงที่เพิ่มมากขึ้นของพวกขวาจัด อย่างไรก็ตาม มีการเน้นถึงเรื่องจารกรรมด้านไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้นด้วย
รายงานอ้างว่ามีการสอดแนมในเยอรมนี "เพิ่มขึ้นจนสังเกตุได้" ในปี 2016 โดยฝีมือหน่วยข่าวกรอง MIT ของตุรกี หลังจากเกิดเหตุรัฐประหารที่ตุรกีแต่ล้มเหลวในวันที่ 15 กรกฎาคมปีที่แล้ว นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่า รัสเซียก็กำลังหาทางจะเข้ามามีอิทธิพลในการเลือกตั้งรัฐสภาเยอรมนีในวันที่ 24 กันยายนนี้
"ผลที่ตามมาสำหรับประเทศเรามีตั้งแต่ตำแหน่งที่ด้อยลงในการเจรจาเรื่องต่างๆ ไปจนถึงค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ความเสียหายทางเศรษฐกิจ รวมถึงเรื่องอธิปไตยของประเทศที่ด้อยลง" รายงานระบุ
เป้าหมายสำคัญคือกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานในต่างประเทศ กระทรวงเศรษฐกิจและการคลัง สถานกงสุล กองทัพเยอรมนี
โธมัส เดอ ไมซีเออร์ รัฐมนตรีมหาดไทย ระบุว่า รัฐบาลมีการทำงานกันอย่างใกล้ชิดกับอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อปกป้องบริษัทของเยอรมนี ซึ่งส่วนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือหมวดธุรกิจอาวุธ อวกาศและการบิน รวมถึงอุตสาหกรรมรถยนต์ ตลอดจนสถาบันวิจัยต่างๆ
รายงานระบุอีกว่า การโจมตีด้านไซเบอร์ไม่ใช่แค่ทำให้สูญเสียข้อมูลข่าวสาร แต่ยังมีพวกมัลแวร์ที่จะทำงานในภายหลังเพื่อกระตุ้นการทำงานของ "ระเบิดเวลาดิจิตอลที่ซุกซ่อนอย่างเงียบงัน" ซึ่งอาจส่งผลให้ข้อมูลข่าวสารถูกชักใยบงการ รวมถึงทำให้อุปกรณ์เสียหาย โดยเฉพาะในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ
รายงานระบุว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มัลแวร์ Sandworm ที่ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ชี้ว่าเชื่อมโยงไปถึงรัสเซีย มีการทำงานพุ่งเป้าไปยังบรรดาเว็บไซต์ของรัฐบาลชาติสมาชิกนาโต้ รวมถึงพวกบริษัทโทรคมนาคมและสาธารณูปโภค