เอพี/MGR ออนไลน์ - ซาอุดีอาระเบียและพันธมิตรได้ยื่นข้อเรียกร้องกาตาร์ผ่านยังคูเวต ออกเงื่อนไข 13 ประการให้กาตาร์ต้องปฏิบัติตาม รวมไปถึงโดฮาต้องปิดสื่ออัลญะซีเราะห์ ตัดขาดอิหร่าน และไม่ยุ่งเกี่ยวกลุ่มมุสลิมบราเธอร์ฮูด เพื่อให้วิกฤตปิดล้อมสิ้นสุด
เอพีรายงานวันนี้ (23 มิ.ย.) ว่า ในข้อเรียกร้อง 13 ข้อที่ถูกยื่นให้กับกาตาร์โดยคูเวตที่เป็นตัวกลางพบว่า ซาอุดีอาระเบียและชาติพันธมิตรยื่นคำขาดให้กาตาร์ยุติการปรากฏของกองกำลังตุรกีในโดฮา
เอพีชี้แจงว่า ทางสื่อได้รับเอกสารข้อเรียกร้องจากหนึ่งในประเทศที่เกี่ยวข้องกับเหตุขัดแย้ง และชี้ว่าข้อเรียกร้องเหล่านี้ถูกเขียนด้วยภาษาอารบิก โดยในข้อเรียกร้องทั้ง 13 ข้อ รวมไปถึงสิ่งที่ทางโดฮายืนยันมาตลอดว่า ไม่สามารถปฏิบัติได้ เป็นต้นว่าการสั่งปิดสื่ออัลญะซีเราะห์
ทั้งนี้ โดฮายังยืนกรานมาตลอดว่าทางกาตาร์จะไม่ยอมเจรจาจนกว่าซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิรตส์ บาห์เรน และอียิปต์ จนกว่าทั้ง 4 ประเทศจะยอมยกเลิกการปิดล้อม
เอพีชี้ว่า ดูเหมือนข้อเรียกร้องเหล่านี้ที่สุดโต่งและไม่ตั้งอยู่ความเป็นจริงจะสามารถทำให้ทางโดสามารถอ้างว่าข้อเรียกร้องนั้นสุดโต่งเกินกว่าที่จะปฎิบัติตามได้ ซึ่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ได้ออกมาเตือนถึงเรื่องนี้ 1 วันก่อนหน้าว่า ทางซาอุฯ และชาติพันธมิตรควรตั้งเงื่อนไขที่สามารถปฏิบัติได้ และสมเหตุสมผล
โดยในรายละเอียดของข้อเรียกร้องจากซาอุฯ และชาติพันธมิตร ยังรวมไปถึงกาตาร์ต้องปฏิเสธการขอเปลี่ยนสัญชาติของพลเมืองที่มาจาก 4 ชาติ (ที่อาจเป็นซาอุฯ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บาห์เรน และอียิปต์) และเนรเทศคนเหล่านี้ที่ยังอาศัยอยู่ภายในราชอาณาจักรให้ออกนอกประเทศ
โดยในเอกสารได้อธิบายถึงจุดมุ่งหมายที่ว่า โดยชี้ว่าเพื่อป้องกันไม่ให้กาตาร์สามารถเข้ายุ่งเกี่ยวกับกิจการภายในของชาติเหล่านี้ได้
และในข้อเรียกร้องอื่น ทั้ง 4 ชาติยังประกาศให้ทางกาตาร์ต้องส่งตัวบุคคลซึ่งเป็นที่ต้องการของ 4 ชาติในคดีที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย รวมไปถึงหยุดการให้เงินสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายที่ถูกสหรัฐฯขึ้นบัญชีดำ และรวมไปถึงยอมให้ข้อมูลรายละเอียดของบุคคลหรือกลุ่มฝ่ายตรงข้ามที่กาตาร์ให้เงินสนับสนุนทั้งในซาอุดีอาระเบีย หรือประเทศอื่นๆ
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาโดฮาปฏิเสธเสียงแข็งมาโดยตลอดว่าไม่เคยให้เงินช่วยเหลือกลุ่มมุสลิมสุดโต่ง หรือกลุ่มติดอาวุธรายใด แต่อย่างไรก็ตาม โดฮายอมรับว่าอนุญาตให้กลุ่มฮามาสอาศัยอยู่ในกรุงโดฮาจริง แต่ทางกาตาร์อ้างว่า ต้องทำไปเพื่อช่วยแก้ปัญหาการขัดแย้งระดับโลกโดยการคงมีความสัมพันธ์กับกลุ่มติดอาวุธเหล่านี้
ที่สำคัญในข้อเรียกร้อง ซาอุฯ และสมาชิกยังได้มีการสั่งให้รัฐบาลโดฮาต้องเปลี่ยให้นโยบายทางการเมือง เศรษฐกิจ และด้านอื่นๆ ให้หันไปในทิศทางเดียวกันกับคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (GCC) ที่มีแนวทางชัดเจน คือการต่อต้านอิหร่าน หลังจากที่ผ่านมาซาอุฯ และชาติอาหรับมุสลิมสายสุหนี่อื่นๆ ได้ออกมาชี้ว่ากาตาร์มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดจนเกินไปกับเตหะราน
นอกจากนี้ ในข้อเรียกร้องยังประกาศให้กาตาร์ต้องทำการปิดสถานทูตของตัวเองในกรุงเตหะราน เพื่อตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่านให้เด็ดขาด รวมไปถึงเนรเทศสมาชิกกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน (Revolutionary Guard) ที่เป็นหน่วยรบพิเศษอิหร่านให้ออกนอกประเทศ และกำหนดให้การติดต่อทางการค้าและการธุรกิจกับอิหร่านให้เป็นไปตามแนวทางการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีการผ่อนคลายการคว่ำบาตรในบางส่วนกับอิหร่านหลังจากประสบความสำเร็จในข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน แต่ทว่าเอพีชี้ว่าเงื่อนไขการคว่ำบาตรอื่นๆ นั้นยังคงมีผลบังคับใช้อยู่ถึงปัจจุบันนี้
เอพีวิเคราะห์ว่า การที่จะให้กาตาร์ยอมตัดสัมพันธ์โดยสิ้นเชิงกับอิหร่านเห็นจะเป็นเรื่องยาก เนื่องจากทั้งสองชาติมีการแชร์แหล่งพลังงานขนาดมหาศาลนอกชายฝั่งร่วมกัน ที่ได้ส่งป้อนกลับเข้าสู่กาตาร์
นอกจากนี้ ข้อเรียกร้องจากซาอุฯและชาติพันธมิตรยังสั่งให้ กาตาร์ต้องปิดสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม อัลญะซีเราะห์ ของตัวเอง และข้อเรียกร้องการสั่งปิดยังรวมไปถึงเครือข่ายของสื่ออัลญะซีเราะห์ เอพีชี้ว่า เชื่อว่าอาจหมายถึงสถานีอัลญะซีเราะห์ภาคภาษาอังกฤษ
เอพีรายงานว่า สถานีโทรทัศน์อัลญะซีเราะห์ภาคภาษาอารบิกนั้นเป็นที่นิยมไปทั่วโลกอาหรับ มีประชาชนในพื้นที่จำนวนมากรับชม แต่ทว่ารัฐบาลในตะวันออกกลางกลับมองว่าสื่อกาตาร์สถานีนี้มีปัญหา เพราะมักเผยแพร่ความเห็นที่มีจุดยืนที่แตกต่างออกไป