เอเอฟพี - รัฐบาลเกาหลีใต้แถลงวันนี้ (21 มิ.ย.) ว่าซากอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ที่พบบริเวณพรมแดน ซึ่งเชื่อว่าเกาหลีเหนือได้ส่งเข้ามาสอดแนม ถือเป็นการ “ยั่วยุอย่างร้ายแรง” อีกทั้งยังละเมิดข้อตกลงหยุดยิงในสงครามเกาหลี พร้อมเรียกร้องให้องค์การสหประชาชาติเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้
กองทัพเกาหลีใต้แถลงว่า โดรนซึ่งเปียงยางส่งเข้ามาเก็บภาพระบบขีปนาวุธสกัดกั้นของสหรัฐฯ ในเกาหลีใต้ตกใกล้ๆ เขตทหารบริเวณแนวพรมแดน และถูกค้นพบเมื่อต้นเดือน มิ.ย.
“การกระทำล่าสุดของเกาหลีเหนือถือเป็นการยั่วยุอย่างร้ายแรง และฝ่าฝืนข้อตกลงหยุดยิง” จอน ดงจิน รองผู้อำนวยการสำนักประธานเสนาธิการทหาร่วมเกาหลีใต้ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยอ้างถึงข้อตกลงหยุดยิงที่ช่วยให้สงครามเกาหลีเมื่อปี 1950-53 สามารถปิดฉากลงได้ โดยที่ทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่ได้ทำข้อตกลงสันติภาพ
ผลการตรวจพิสูจน์อย่างละเอียดพบว่า โดรนลำนี้ถูกส่งมาจากฝั่งเกาหลีเหนือ และได้ถ่ายภาพสถานที่ต่างๆ ในเกาหลีใต้เอาไว้มากกว่า 500 ภาพ รวมถึงสถานที่ติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธในบรรยากาศชั้นสูง (THAAD) ในเมืองซองจู
“เราขอประณามเกาหลีเหนือที่ส่งโดรนเข้ามาสอดแนมดินแดนของเราอย่างต่อเนื่อง และขอให้พวกเขาหยุดพฤติกรรมยั่วยุเช่นนี้ทันที” จอน กล่าว พร้อมยืนยันว่ากองทัพเกาหลีใต้จะตอบโต้อย่างสาสมหากเปียงยางไม่ฟังคำเตือน
รัฐบาลเกาหลีใต้เรียกร้องให้กองบัญชาการสหประชาชาติ (United Nations Command) ซึ่งดูแลการบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิงสงครามเกาหลีเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจัง ขณะที่กองทัพยืนยันว่าจะเพิ่มมาตรการป้องกันการสอดแนม หรือแม้กระทั่งการ “โจมตี” จากโดรนของโสมแดงในอนาคต โดยจะติดตั้งเรดาร์และปืนต่อสู้อากาศยานเพิ่มเติมเพื่อตรวจจับและยิงทำลายโดรนเหล่านี้
เกาหลีใต้ยินยอมให้สหรัฐฯ ส่งระบบ THAAD เข้ามาติดตั้งในประเทศ เพื่อสกัดกั้นภัยคุกคามจากจรวดโสมแดง
รัฐบาลโซลอ้างว่าถูกเกาหลีเหนือใช้โดรนสอดแนมหลายต่อหลายครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งในเดือนนี้ประธานาธิบดี มุน แจอิน ก็ได้เรียกร้องให้กองทัพเร่งพัฒนาระบบที่จะสามารถสกัดกั้นโดรนของโสมแดงได้อย่างมีประสิทธิภาพ