รอยเตอร์ - มูน แจ-อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ออกคำสั่งให้ดำเนินการสืบสวน หลังกระทรวงกลาโหมไม่ได้แจ้งกับเขากรณีมีการลำเลียงระบบต่อต้านขีปนาวุธ THAAD ของสหรัฐฯ อีก 4 ฐาน เข้ามายังประเทศของเขา โดยไม่ได้รับอนุญาต จากการเปิดเผยของโฆษกในวันอังคาร (30 พ.ค.)
Terminal High Altitude Area Defense (THAAD - ระบบป้องกันขีปนาวุธในบรรยากาศชั้นสูง) ได้รับการติดตั้งไปแล้วในเบื้องต้นที่เมืองซองจู เพียงแค่ 2 จากทั้งหมด 6 ฐานยิง เพื่อตอบโต้ภัยคุกคามด้านขีปนาวุธจากเกาหลีเหนือ
ระหว่างการณรงค์หาเสียงของศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีวันที่ 9 พฤษภาคม มูน เรียกร้องรัฐสภาทบทวนการติดตั้งระบบดังกล่าว ขณะที่มันก็ก่อขุ่นเคืองแก่จีน พันธมิตรหนึ่งเดียวของเกาหลีเหนือเช่นกัน
“ประธานาธิบดีมูนบอกว่าท่านรู้สึกช็อคอย่างมากที่ได้รับว่าฐานยิงขีปนาวุธถูกติดตั้งเพิ่มเติมอีก 4 ฐาน โดยไม่มีการแจ้งต่อรัฐบาลใหม่หรือสาธารณชน” โฆษกของประธานาธิดี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว
นโยบายหาเสียงของมูน เน้นใช้แนวทางสายกลางกับเปียงยาง โดยเรียกร้องให้มีการพูดคุยเจรจา แม้เกาหลีเหนือจะแสวงหาอาวุธนิวเคลียร์และโครงการขีปนาวุธ ซึ่งเพิกเฉยต่อมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติและคำขู่คว่ำบาตรเพิ่มเติม
กองทัพสหรัฐฯ ในเกาหลีใต้ไม่แสดงความคิดเห็นต่อคำสั่งของประธานาธิบดีมูน ขณะที่กองทัพเกาหลีใต้ก็ไม่แสดงความคิดเห็นเช่นกัน
คำสั่งของมูนสำหรับสืบสวนการติดตั้ง THAAD มีขึ้นท่ามกลางสัญญาณความตึงเครียดที่ผ่อนคลายลงระหว่างเกาหลีใต้และจีน 2 พันธมิตรการค้าสำคัญ โดยทางสายการบินเชจู แอร์ ของโซล เปิดเผยในวันอังคาร (30 พ.ค.) ว่าจีนเห็นขอบแผนเพิ่มเที่ยวบิน 2 เท่า สำหรับมุ่งสู่เมืองเวยไห่ และจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายนเป็นต้นไป
จีน ไม่พอใจต่อการติดตั้ง THAAD ในเกาหลีใต้ ด้วยปักกิ่งมองว่าเป็นการแผ่ขยายแสนยานุภาพทางทหารของสหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออก และอาจเป็นการเปิดประตูสำหรับประจำการระบบดังกล่าวในญี่ปุ่นหรือที่อื่นๆ ในอนาคต
สหรัฐฯ ซึ่งมีทหารประจำการในเกาหลีใต้ 28,500 นายมีสนธิสัญญากลาโหมร่วมกับโซล ย้อนกลับไปในช่วงสิ้นสุดสงครามเกาหลีปี 1950-53 ซึ่งยุติลงด้วยข้อตกลงหนึ่ง ทำให้โดยทางเทคนิคแล้วทั้งสองชาติยังอยู่ในภาวะระหว่างสงครามกันอยู่