เอเจนซีส์ - สื่ออังกฤษเปิดเผยตัวตนของชายที่ขับรถตู้สีขาวพุ่งชนคนเดินเท้าใกล้ๆ มัสยิดทางตอนเหนือของกรุงลอนดอนเมื่อวานนี้ (19 มิ.ย.) ว่าคือ “ดาร์เรน ออสบอร์น” วัย 47 ปี อาศัยอยู่ในเมืองคาร์ดิฟฟ์ในแคว้นเวลส์ ขณะที่ครอบครัวและเพื่อนบ้านหลายคนถึงกับช็อค ไม่คาดคิดว่าเขาจะลงมือทำเรื่องโหดเหี้ยมเช่นนี้ได้
เหตุโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นหลังเวลาเที่ยงคืนเล็กน้อยใกล้ๆ กับศูนย์ชุมชน “มุสลิม เวลแฟร์ เฮาส์” ซึ่งตั้งอยู่บนถนนเซเวนซิสเตอร์ส ทำให้มีผู้บาดเจ็บรวมทั้งสิ้น 11 ราย โดย 9 รายถูกนำส่งโรงพยาบาล
พยานระบุว่า ชายคนนี้ได้ขับรถตู้พุ่งเข้าใส่ฝูงชนที่เพิ่งเดินออกจากมัสยิดในย่านฟินสบิวรีพาร์ค (Finsbury Park) และร้องตะโกนประกาศความตั้งใจ “ผมอยากฆ่าพวกมุสลิมให้หมด”
ชาวมุสลิมหลายคนกำลังเข้าช่วยเหลือชายชราคนหนึ่งซึ่งป่วยและล้มลงกับพื้น ก่อนที่รถตู้จะขับเข้ามาพุ่งชนพวกเขา ล่าสุดมีรายงานว่าชายชราเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ แต่ตำรวจยังไม่ยืนยันว่าเป็นผลของการโจมตีหรือไม่
ผู้คนในละแวกนั้นได้ช่วยกันล็อคตัวคนร้ายไว้จนกระทั่งตำรวจมาถึง และได้ควบคุมตัวเขาในฐานะผู้ต้องสงสัย “ว่าจ้าง เตรียมการ หรือยุยงส่งเสริมก่อการร้าย ซึ่งรวมถึงการฆาตกรรมและพยายามฆ่า”
พนักงานสอบสวนได้เดินทางไปที่เมืองคาร์ดิฟฟ์ เมืองหลวงของแคว้นเวลส์ เพื่อเข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งที่สื่อรายงานว่าเป็นที่พักอาศัยของ ดาร์เรน ออสบอร์น
ชาวบ้านในพื้นที่ 5 คนยืนยันกับผู้สื่อข่าวเพรสส์แอสโซซิเอชันว่า ชายในภาพคือ ออสบอร์น ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของพวกเขาเอง
“รู้จักครับ ผมอาศัยอยู่ที่นี่มา 5 ปีแล้ว เขาอยู่ก่อนที่ผมจะย้ายเข้ามา” ซาลีม แนมา วัย 50 ปี กล่าว “ไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะทำแบบนี้ได้ ผมเองก็เป็นมุสลิม”
คอดิเญห์ เชริซี เพื่อนบ้านอีกคนหนึ่งให้ข้อมูลว่า ออสบอร์น อาศัยอยู่กับภรรยาและลูก 4 คนในบ้านหลังติดกับเธอ
“ฉันเห็นเขาในข่าวและคิดว่า โอ... พระเจ้า นี่มันเพื่อนบ้านเราเอง... เขาดูปกติดีทุกอย่าง เมื่อวานนี้ฉันยังเห็นเขาเข้าครัวตอนบ่ายและร้องเพลงกับลูกๆ อยู่เลย” เธอบอกกับเอเอฟพี
อย่างไรก็ตาม เพื่อนบ้านอีกคนบอกว่า ออสบอร์น มักจะออกมายืนทะเลาะกับภรรยาหน้าบ้านเสมอ
มารดา น้องสาว และหลานของออสบอร์น ได้ออกคำแถลงร่วมว่า “พวกเรารู้สึกช็อคมาก มันไม่น่าเชื่อเลย จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่อยากจะเชื่อ” พร้อมทั้งส่งกำลังใจไปยังเหยื่อผู้บาดเจ็บ
เครสซิดา ดิค ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลลอนดอน ระบุว่า โศกนาฏกรรมครั้งนี้เป็นการจงใจเล่นงานชาวมุสลิมโดยเฉพาะ ซึ่งหลังจากนี้จะมีตำรวจหรือเจ้าหน้าที่พร้อมอาวุธเข้าไปรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่เพิ่มขึ้น “โดยเฉพาะตามศาสนสถานต่างๆ”
เบน วอลเลซ รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงอังกฤษ ระบุว่า ผู้ต้องสงสัยรายนี้ไม่เคยถูกเพ่งเล็งมาก่อน และเชื่อว่าน่าจะลงมือเพียงลำพัง
เหตุการณ์นี้นับเป็นการโจมตีครั้งที่ 4 ที่เกิดขึ้นกับอังกฤษภายในระยะเวลาเพียง 3 เดือน หลังจากกลุ่มอิสลามิสต์ได้ลงมือสังหารผู้บริสุทธิ์ที่เวสต์มินสเตอร์, แมนเชสเตอร์ และลอนดอนบริดจ์
นายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์ กล่าวประณามเหตุการณ์นี้ว่า “น่าสะอิดสะเอียน” ไม่ต่างจากการโจมตีครั้งก่อนๆ
“มันเป็นการโจมตีที่มุ่งเอาชีวิตคนธรรมดาและผู้บริสุทธิ์ที่ใช้ชีวิตกันตามปกติ ครั้งนี้ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อคือชาวมุสลิมอังกฤษที่เพิ่งจะละศีลอด และประกอบพิธีละหมาดร่วมกันในช่วงเวลาอันศักดิ์สิทธิ์ของปีนี้”
หลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าวที่ทำเนียบดาวนิง ผู้นำหญิงอังกฤษก็ได้ลงพื้นที่บริเวณมัสยิดฟินสบิวรีพาร์ค และพูดคุยกับผู้นำชุมชนมุสลิมที่นั่น
ด้าน เจเรมี คอร์บีน ผู้นำพรรคแรงงานฝ่ายค้าน ก็ได้เดินทางไปให้กำลังใจชาวมุสลิมเช่นเดียวกัน โดยบอกกับบีบีซีว่า “การโจมตีมัสยิด โบสถ์ยิว หรือโบสถ์คริสต์ ถือเป็นการโจมตีต่อพวกเราทุกคน”