เอเจนซีส์/รอยเตอร์ – เมื่อวานนี้(18 มิ.ย)กระทรวงต่างประเทศของเปียงยางออกแถลงการณ์ กล่าวหาเจ้าหน้าที่ตำรวจสนามบินสหรัฐฯใช้อำนาจอุกอาจ “ยึดเอกสารทางการทูต” จากกลุ่มนักการทูตเกาหลีเหนือในท่าอากาศยานนานาชาติจอห์น เอฟ. เคนเนดี หรือ JFK. นิวยอร์ก แต่สหรัฐฯประกาศชัด 3 เกาหลีเหนือที่ถูกตรวจ ไม่มีหนังสือรับรองทางการทูตทางการ แต่อเมริกาไม่สั่งกักตัว สุดโกลาหลต่อเนื่อง บรรดาทูตเปียงยางประท้วง ไม่ยอมขึ้นบินออกนอกประเทศ
CNN สื่อสหรัฐฯรายงานวันนี้(19 มิ.ย)ว่า เปียงยางออกแถลงการณ์วันอาทิตย์(18 มิ.ย)เดือดโต้สหรัฐฯ กระทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง อ้างเจ้าหน้าที่สหรัฐฯเข้ายึด “แพ็คเกจทางการทูต” ของกลุ่มตัวแทนเกาหลีเหนือในขณะที่อยู่ภายในท่าอากาศยานนานาชาติจอห์น เอฟ. เคนเนดี นิวยอร์ก
รอยเตอร์ชี้ว่า สำนักข่าวทางการเกาหลีเหนืออ้างว่า กลุ่มนักการทูตเกาหลีเหนือเหล่านี้อยู่ในสนามบินหลังจากได้เข้าร่วมการประชุมขององค์การสหประชาชาติที่ว่าด้วยสิทธิของบุคคลและความพิการที่ถูกจัดขึ้นในเมืองนิวยอร์ก ซิตี
โดยในรายงานของสำนักข่าว KCNA วันอาทิตย์(18 มิ.ย) อ้างว่า เจ้าหน้าที่กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ DHS และตำรวจสนามบิน อุกอาจยึดแพ็คเกจทางการทูต (diplomatic package )ไปจากทางกลุ่มตัวแทนเปียงยาง และชี้ต่อว่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 16 มิ.ย ที่ผ่านมา
ในแถลงการณ์ที่รายงานออกมาจากเปียงยางยังอ้างว่า พบว่ามีเจ้าหน้าที่สหรัฐฯไม่ต่ำกว่า 20 นาย ที่ระบุว่ามาจากกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ DHS และตำรวจสหรัฐฯ เข้าหยุดกลุ่มนักการทูตเกาหลีเหนือไว้
ทั้งนี้ “แพ็คเกจทางการทูต” ตามที่เกาหลีเหนืออ้าง เชื่อว่าน่าจะหมายถึงถุงเมล์ทูต( diplomatic bag) ที่ได้รับความคุ้มกันจากการถูกตรวจสอบ หรือการถูกกัก
CNN กล่าวว่า ในการรายงานของ KCNA เกาหลีเหนือ ได้ประณามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า “ผิดกฎหมาย และเป็นการกระทำที่ยั่วยุอย่างร้ายกาจ” และ KCNA ยังชี้ต่อว่า “การกระทำของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯในครั้งนี้เหมือนกับพวกแก๊งอันธพาล”
สื่อสหรัฐฯรายงานต่อว่า ด้านกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ DHS ออกมายืนยันถึงเหตุที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า มีพลเมืองเกาหลีเหนือ 3 คนถูกเจ้าหน้าที่หยุดภายในท่าอากาศยานนานาชาติจอห์น เอฟ. เคนเนดี นิวยอร์ก จริง แต่ในแถลงการณ์ของ DHS ยืนยันว่า “บุคคลเหล่านี้ไม่มีสถานะทางการทูต”
“อ้างอิงจากกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ พลเมืองเกาหลีเหนือเหล่านี้ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ทางการทูตเกาหลีเหนือประจำองค์การสหประชาชาติที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ และยังไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครองทางการทูต และเอกสารที่กล่าวอ้างนั้นไม่มีสถานะคุ้มครองทางการทูตจากการถูกตรวจสอบ” รายงานจากแถลงการณ์กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ DHS
และในแถลงการณ์ DHS ยังกล่าวต่อว่า “ทาง DHS ได้ยึดอุปกรณ์สื่อสารจำนวนหนึ่ง และเอกสารจากบุคคลเหล่านี้ ซึ่งในคณะนั้นพลเมืองเกาหลีเหนือพยายามใช้กำลังในการที่จะแย่งกลับคืนจากเจ้าหน้าที่ แต่ทางเจ้าหน้าที่ DHS สามารถหยุดไว้ได้ ซึ่งมีรายงานว่า ความก้าวร้าวนั้นเริ่มมาจากฝั่งชาวเกาหลีเหนือ”
รอยเตอร์รายงานว่า อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตปี 1961 ระบุอย่างชัดเจนว่า “ผู้ถือสารทางทูต (diplomatic courier) ได้อุปโภคความละเมิดมิได้ และจะต้องไม่ถูกจับกุมหรือกักในรูปใด” และถุงเมล์ทูต( diplomatic bag) จะไม่ถูกเปิดหรือถูกกักไว้
และนอกจากนี้ อนุสัญญายังระบุอย่างชัดเจนว่า บุคคลใดก็ตามที่อ้างสถานะทางการทูตจะต้องถือเอกสารการรับรองอย่างถูกต้อง และถุงเมล์ทูตนั้นจะต้องมีสัญลักษณ์ที่แสดงให้ทราบอย่างชัดเจน
CNN ชี้ว่า ในแถลงการณ์ของกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ DHS ได้ออกมายอมรับว่า ไม่มีการจับกุมเกิดขึ้นกับกลุ่มพลเมืองเกาหลีเหนือทั้ง 3 รายถึงแม้ว่าจะไม่มีเอกสิทธิ์ทางการทูตคุ้มครอง หรือถือเอกสารทางการทูตอย่างถูกต้องก็ตาม
โดยในแถลงการณ์ DHS กล่าวยอมรับว่า ***พลเมืองเกาหลีเหนือไม่ได้ถูกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯกักตัวไว้*** แต่อย่างไรก็ตามในแถลงการณ์ชี้ต่อว่า กลุ่มพลเมืองเหล่านี้ปฎิเสธที่จะเดินทางขึ้นเครื่องเที่ยวบินของพวกเขาที่จะเดินทางออกนอกท่าอากาศยานนานาชาติจอห์น เอฟ. เคนเนดี นิวยอร์ก
ทั้งนี้อ้างอิงจากรอยเตอร์ พบว่าแถลงการณ์ของทางเกาหลีเหนือ KCNA ยืนยันว่า บุคคลทั้งหมดที่ถูกทางสหรัฐฯยึดเอกสารไว้นั้น ถือหนังสือสำคัญทางการทูตอย่างถูกต้อง