เอเจนซีส์ – ความสัมพันธ์ระหว่างมาเลเซีย-เกาหลีเหนือตกต่ำสุดขีด เมื่อโสมแดงออกคำสั่งในวันอังคาร (7) ห้ามชาวมาเลเซียเดินทางออกนอกประเทศเกาหลีเหนือ เพื่อใช้เป็นหลักประกันต่อรอง ส่วนทางฝั่งเสือเหลืองก็ตอบโต้ทันควันด้วยมาตรการเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง ตำรวจมาเลเซียกำลังจ้องตะครุบตัวผู้ต้องสงสัยคดีฆ่า "คิม จองนัม" ซึ่งกบดานอยู่ในสถานทูตโสมแดง ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์
มาเลเซียขุ่นเคืองใจอย่างมาก จากกรณีการลอบสังหาร "คิม จองนัม" พี่ชายต่างมารดาของ "คิม จองอึน" ผู้นำเกาหลีเหนือ ในท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ด้วยสารพิษทำลายประสาท "วีเอ็กซ์" ที่สหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระบุเป็นอาวุธทำลายล้างสูง
ทางตำรวจมาเลเซียได้ระบุตัวผู้ต้องสงสัยว่าเกี่ยวพันกับการฆาตกรรมนี้ เป็นชาวเกาหลีเหนือ 8 คน ซึ่งรวมถึงนักการทูตระดับสูงของเกาหลีเหนือ 1 คน กับเจ้าหน้าที่สายการบินของรัฐบาลเกาหลีเหนืออีก 1 คน โดยเชื่อว่ายังกบดานอยู่ในสถานทูต ซึ่งขณะนี้มีการตั้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องสงสัยเพียงสองคน ได้แก่ หญิงอินโดนีเซียและหญิงเวียดนาม
ขณะที่สถานการณ์ทวีความตึงเครียด กระทรวงต่างประเทศเกาหลีเหนือได้ออกแถลงการณ์ในวันอังคาร ห้ามชาวมาเลเซียเดินทางออกจากเกาหลีเหนือเป็นการชั่วคราว จนกว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในมาเลเซียจะได้รับการแก้ไขอย่างเหมาะสม เพื่อเป็นหลักประกันความปลอดภัยของนักการทูตและพลเมืองเกาหลีเหนือที่อยู่ในมาเลเซีย
แถลงการณ์ยังระบุว่า ระหว่างนี้นักการทูตและพลเมืองมาเลเซียจะทำงานและพำนักอยู่ภายใต้เงื่อนไขและสภาพแวดล้อมปกติแบบที่เคยเป็นมา ด้านมาเลเซียประณามแถลงการณ์ของเกาหลีเหนือทันควันและตอบโต้ด้วยการห้ามพลเมืองเกาหลีเหนือเดินทางออกนอกมาเลเซีย
นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัคของมาเลเซีย ออกแถลงการณ์ระบุว่า การกระทำของเปียงยางนั้นเป็นการจับพลเมืองมาเลเซียเป็นตัวประกัน ซึ่งเข้าข่ายเพิกเฉยต่อกฎหมายระหว่างประเทศและบรรทัดฐานการทูต ทั้งยังสั่งการให้ตำรวจป้องกันไม่ให้พลเมืองเกาหลีเหนือเดินทางออกนอกประเทศ จนกว่าจะมั่นใจว่าพลเมืองมาเลเซียทั้งหมดในเกาหลีเหนือปลอดภัย
ช่วงก่อนเหตุการณ์ฆาตกรรม "คิม จองนัม" มาเลเซียเป็นเพียงไม่กี่ประเทศ นอกเหนือจากจีน ที่เป็นมิตรกับเกาหลีเหนือ แต่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา มาเลเซียประกาศยุติการละเว้นวีซ่าสำหรับพลเมืองเกาหลีเหนือ และเมื่อวันจันทร์ (6) มาเลเซียยังขับเอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือ โทษฐานวิจารณ์ว่า ตำรวจมาเลเซียสอบสวนคดี "คิม จองนัม" อย่างไม่เป็นธรรม
จากข้อมูลของกระทรวงต่างประเทศมาเลเซีย ปัจจุบันมีชาวมาเลเซียในเกาหลีเหนือ 11 คน ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่สถานทูต 3 คน พร้อมสมาชิกครอบครัว 6 คน กับพลเมืองอีก 2 คน ด้านพลเมืองเกาหลีเหนือในมาเลเซียนั้นเชื่อว่ามีจำนวนหลายร้อยคน ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาและคนงาน อย่างไรก็ตาม ความสนใจของตำรวจมาเลเซียนั้นมุ่งเน้นไปยังเจ้าหน้าที่สถานทูตโสมแดง
นูร์ จัสลัน โมฮัมเหม็ด รัฐมนตรีช่วยมหาดไทยมาเลเซียเผยว่า กำลังพยายามระบุตัวเจ้าหน้าที่ทั้งหมดที่ยังอยู่ในสถานทูตเกาหลีเหนือ และมาเลเซียจะไม่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่เหล่านั้นออกจากสถานทูต จนกว่าจะตรวจสอบจำนวนและที่อยู่ของเจ้าหน้าที่เหล่านั้นจนเป็นที่พอใจ อย่างไรก็ตาม ช่วงบ่ายวันอังคาร ตำรวจมาเลเซียได้แกะเทปกั้นและเคลื่อนย้ายรถตำรวจที่จอดขวางทางเข้าออกสถานทูตเกาหลีเหนือออก บ่งชี้ว่าสถานการณ์เริ่มผ่อนคลายลง
คาลิด อาบู บาการ์ ผู้บัญชาการตำรวจมาเลเซียแถลงว่า ชาวเกาหลีเหนือ 3 คนที่ตำรวจต้องการตัวมาสอบปากคำเกี่ยวกับคดี "คิม จองนัม" ยังกบดานอยู่ในสถานทูต ตำรวจมาเลเซียจะไม่บุกค้น แต่จะรอให้คนเหล่านั้นออกมาเอง
นอกจากผู้ต้องสงสัยที่ซ่อนอยู่ในสถานทูตแล้ว ตำรวจมาเลเซียยังเปิดเผยว่า ผู้ต้องสงสัยชาวเกาหลีเหนืออีก 4 คน ได้หนีออกจากมาเลเซียตั้งแต่วันที่มีการก่อเหตุสังหาร "คิม จองนัม" ส่วนชาวเกาหลีเหนือเพียงคนเดียวที่ถูกควบคุมตัว ถูกปล่อยตัวและเนรเทศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (3) เนื่องจากไม่มีหลักฐานเพียงพอ
ทั้งนี้ หน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้และเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ตั้งข้อสงสัยว่า สายลับโสมแดงอยู่เบื้องหลังการสังหารคิม ผู้เคยพำนักอยู่ในมาเก๊าภายใต้การคุ้มครองของจีน เนื่องจากวิจารณ์ระบอบการปกครองของตระกูลตัวเองอย่างเปิดเผย ด้านเกาหลีเหนือไม่ยอมรับว่า ผู้เสียชีวิตคือ "คิม จองนัม" ทั้งยังระบุว่า สาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากหัวใจวาย
ตอนนี้ยังไม่มีญาติใกล้ชิดมาติดต่อขอรับศพคิม แต่ผู้บัญชาการตำรวจมาเลเซียมั่นใจว่าจะได้รับตัวอย่างดีเอ็นเอเพื่อยืนยันตัวผู้ตายในที่สุด