รอยเตอร์/เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - สถานการณ์ล่าสุดเหตุไฟไหม้อพาร์ตเมนต์สูง 24 ชั้น ตึกเกรนเฟลล์ ทาวเวอร์ (Grenfell Tower) บนถนนลาติเมอร์ เขตเคนซิงตันเหนือ ทางตะวันตกของกรุงลอนดอน เชื่อยังมีคนติดอยู่ด้านใน ดับเพลิงกว่า 200 นาย และรถถดับเพลิง 40 คันถูกส่งเข้าไป ผู้อาศัยภายในร้องระงม “ไม่ได้ยินเสียงเตือนไฟไหม้” มีรายงานผู้บาดเจ็บเพิ่มไม่ต่ำกว่า 64 ราย ถูกส่งโรงพยาบาล ล่าสุดมีเสียชีวิต 6 ราย เชื่อพลาสติกคลุมตึกอาจเป็นสาเหตุติดไฟ
รอยเตอร์รายงานล่าสุดว่า ตำรวจอังกฤษออกแถลงการณ์ยืนยันจำนวนผู้เสียชีวิตว่าในขณะนี้มีอย่างน้อย 6 ราย "ในขณะนี้ทางเราสามารถยืนยันตัวเลขสูญเสียอยู่ที่ 6 ราย ในเหตุเพลิงไหม้ในเคนซิงตันเหนือ" อ้างอิงจากรายงานสำนักงานตำรวจอังกฤษ
ส่วนผู้บาดเจ็บล่าสุดมี 64 ราย รวมถึงผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส 20 ราย
ซึ่งก่อนหน้าหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานสถานการณ์เหตุการณ์เพลิงไหม้ครั้งใหญ่กลางเมืองหลวงอังกฤษว่า มีการรายงานยืนยันตัวเลขผู้เสียชีวิตล่าสุด โดยในขณะนั้นทางสำนักงานตำรวจอังกฤษออกแถลงการณ์ว่า “มีจำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ” ในเหตุการณ์ไฟไหม้ แต่ในแถลงการณ์ไม่ได้ให้ตัวเลขอย่างเป็นทางการ
และสื่ออังกฤษรายงานว่า พลาสติกที่คลุมตึกด้านนอกอาจเป็นสาเหตุของไฟไหม้ ซึ่งในขณะนี้ได้มีการตรวจสอบการใช้พลาสติกคลุมตึก อ้างอิงจากแหล่งข่าวอุตสาหกรรมการก่อสร้าง โดยระบุว่าบรรดาผู้เชี่ยวชาญกำลังตรวจสอบโปรเจกต์ที่อยู่่ในระหว่างการปรับปรุง ซึ่งพบว่าตึกที่ถูกสร้าางในยุค 60 - 70 นั้นอยู่ในระหว่างการปรับปรุงหลายสิบตึก และใช้ประเภทพลาสติกคลุมตึก (thermal plastic cladding) แบบเดียวกันกับที่ตึกอพาทเมนต์แห่งนี้ใช้และเกิดเหตุเพลิงไหม้
ทั้งนี้ พบว่าอาจมีการเกรงว่าจะยังคงมีคนที่ยังติดอยู่ด้านใน แต่ไม่มีรายงานยืนยันในตัวเลขเช่นเดียวกัน ซึ่ง ซามิรา ลามรานี(Samira Lamrani) พยานในเหตุการณ์ให้ข้อมูลว่า พบว่ามีคนโยนทารกออกจากตัวตึกจากชั้น 9 หรือชั้น 10 เพื่อหนีไฟไหม้ และพบว่ามีชายอีกรายที่อยู่เบื้องล่างสามารถรับตัวเด็กไว้ได้ทัน ในขณะที่มีพยานอีกรายกล่าวว่า เห็นหญิงคนหนึ่งโยนลูกชายของตัวเองวัยราว 5 ขวบออกมาจากชั้น 5 หรือชั้น 6 ของตัวอาคาร ซึ่งพยานรายนี้เชื่อว่า เด็กชายรายนี้รอดชีวิต
ท่ามกลางสภาพเพลิงลุกโหมต่อเนื่อง โดยมีรายงานว่าตัวอาคารได้รับความเสียหายจากเพลิงไหม้เป็นอย่างมาก ที่อาจเกิดการถล่มลงมา และได้มีการสั่งอพยพอาคารอพาทเมนต์โดยรอบร่วม 30 แห่งให้ออกนอกพื้นที่
พบว่าตำรวจได้สั่งอพยพคนออกจากตึกบาแรนดอน วอล์ก (Barandon Walk) และตึกเทสเซอร์ตัน วอล์ก (Tesserton Walk) และสั่งให้ผู้อาศัยในอพาร์ตเมนต์
ทั้งสองที่เชื่อมกับอาคารเกรนเฟลล์ ทาวเวอร์ที่กำลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ ให้ไปรวมตัวบริเวณโบสถ์ในบริเวณที่ไม่ห่างออกไปนัก และรวมไปถึงได้มีการจัดศูนย์พักพิงฉุกเฉินสำหรับผู้ที่ต้องถูกอพยพออกมาจากอพาร์ตเมนต์ต่างๆ รวมไปถึงสายด่วน 0800 0961 233
นอกจากนี้ ตำรวจอังกฤษยังสั่งปิดถนนและกันบริเวณห้ามคนผ่านเข้าออก ซึ่งมีการยืนยันว่า ถนน A40 ทั้ง 2 ทิศทางถูกปิดลง
สื่ออังกฤษชี้ว่า ในการเข้าดับไฟครั้งใหญ่นี้ต้องใช้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงกว่า 200 นาย และรถดับเพลิงอีกราว 40 คัน ซึ่งพบว่าในขณะนี้เวลาราว 07.27 น.ของอังกฤษวันนี้ (14 มิ.ย.) ตึกเกรนเฟลล์ ทาวเวอร์ (Grenfell Tower) ยังคงไหม้อย่างต่อเนื่อง และมีการเกรงว่าอาจมีการถล่มลงมา ซึ่งเดอะการ์เดียนชี้ว่า มีรายงานว่าไฟได้ไหม้เกือบทุกจุดของอาคารแห่งนี้
อาคารแห่งนี้เป็นอพาร์ตเมนต์ขนาด 24 ชั้น มีห้องพัก 120 ห้อง สร้างขึ้นในปี 1974 เหตุไฟไหม้ได้รับแจ้งในเวลาเช้ามืด 01.16 น.ตามเวลาท้องถิ่น โดย “ต้นเพลิงเกิดที่ชั้น 2 ก่อนจะลุกลามขึ้นไปจนถึงชั้น 27 ของอาคาร” หน่วยดับเพลิงลอนดอนแถลงผ่านทวิตเตอร์ อ้างอิงจากสื่อเอเจนซีส์
เดอะการ์เดียนรายงานว่า เป็นที่น่าตกใจเมื่อมีพยานซึ่งเป็นผู้อาศัยในอาคารเกิดเหตุได้ออกมาบอกว่า พวกเขาและเธอเหล่านั้นไม่ได้ยินสียงสัญญาณเตือนเพลิงไหม้อาคาร หรือได้ยินแต่เบามาก
อลิส รอสส์ (Alice Ross) นักข่าวเดอะการ์เดียน รายงานในที่เกิดเหตุกล่าวว่า มีพยาน 2 รายเปิดเปิดเผยว่า ไม่ได้ยินเสียงสัญญาณเตือนเพลิงไหม้ ได้ยินแต่เสียงสัญญาณจับควันของผู้เช่าที่ดังออกมา
โดยผู้เช่าชายรายนี้ได้ให้สัมภาษณ์กับทีวีอังกฤษแชนเนล 4 นิวส์ ถึงการหลบหนีออกมาระหว่างเกิดเหตุจากห้องพักบนชั้น 17 ของอาคารเกรนเฟลล์ ทาวเวอร์ พร้อมกับน้าวัย 68 ปี
แต่อย่างไรก็ตาม สื่อการ์เดียนชี้ว่า ยังไม่มีการยืนยันออกมาอย่างเป็นทางการว่าตึกแห่งนี้ที่สร้างมาตั้งแต่ปี 1974 นั้นไม่มีระบบสัญญาณเตือนภัยดับเพลิงประจำอาคาร หรือระบบการเตือนภัยไม่ทำงานในระหว่างเกิดเหตุ
ด้านหน่วยบริการรถพยาบาลฉุกเฉินกรุงลอนดอนยืนยันว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บเพิ่มเป็น 64 ราย และมี 20 รายจากทั้งหมดบาดเจ็บสาหัส หลังก่อนหน้ามีรายงานบาดเจ็บ 50 ราย