รอยเตอร์ - หนุ่มใหญ่ชาวโปแลนด์ถูกสั่งห้ามปีนเขาในเนปาลเป็นเวลา 10 ปี หลังไต่ลงจากยอดเขาเอเวอเรสต์เข้ามาในเขตแดนเนปาลโดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเผยวันนี้ (8 มิ.ย.)
จานุซ อดัม อดัมสกี วัย 49 ปี ซึ่งเป็นชาวเมืองเซซิน (Szczecin) ในโปแลนด์ ใช้เส้นทางฝั่งประเทศจีนขึ้นไปพิชิตยอดเขาสูงที่สุดในโลกเมื่อวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา ทว่าขาลงกลับไต่ลงมาในเขตของเนปาลโดยไม่ได้ขออนุญาตก่อน
“เขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้ปีนภูเขาทุกลูกในเนปาลเป็นเวลา 10 ปี ตามกฎว่าด้วยการปีนเขาของเรา” กามาล ปาราจูลี เจ้าหน้าที่การท่องเที่ยวเนปาล ระบุ
อดัมสกี ให้เหตุผลกับเจ้าหน้าที่ว่า ตนเหลือออกซิเจนไม่พอ และหวังจะเข้ามาขอความช่วยเหลือในฝั่งเนปาลซึ่งมีนักปีนเขาคนอื่นๆ อยู่เป็นจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ยังไม่สามารถติดต่อ อดัมสกี เพื่อขอสัมภาษณ์ได้
โมฮาน จี. ซี. เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเนปาล ระบุว่า อดัมสกี มีแนวโน้มจะถูกเนรเทศฐานเข้าเมืองโดยไม่มีวีซ่า
ทุกๆ ปีจะมีชาวต่างชาติหลายร้อยคนพยายามขึ้นไปพิชิตยอดเอเวอเรสต์ซึ่งสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 8,848 เมตร โดยนักปีนเขาจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้แก่รัฐบาลเนปาลรายละ 11,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 375,000 บาท)
ไรอัน ฌอน เดวี หนุ่มแอฟริกาใต้วัย 43 ปี ก็ถูกรัฐบาลเนปาลสั่งห้ามปีนเขานาน 10 ปีเมื่อเดือน พ.ค. หลังลักลอบปีนสู่ยอดเอเวอเรสต์โดยไม่ขออนุญาต และถูกเจ้าหน้าที่จับได้ขณะเข้าไปหลบอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง
ก่อนหน้านั้น คู่รักชาวอินเดียก็ถูกทางการเนปาลลงโทษแบน ฐานใช้โปรแกรมตัดต่อภาพให้ดูเหมือนว่าพวกเขาขึ้นไปพิชิตยอดเอเวอเรสต์มาแล้ว
ล่าสุด สมาคมนักปีนเขาจีนทิเบต (CTMA) ได้ประกาศเมื่อวานนี้ (7) ว่าจะงดออกใบอนุญาตปีนขึ้นยอดเอเวอเรสต์จากฝั่งทิเบตในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่จะถึงนี้ รวมไปถึงยอดเขาที่มีชื่อเสียงอื่นๆ เช่น โชโอยู (Cho Oyu) และชิชาปังมา (Shishapangma) หลังเกิดกรณีที่ อดัมสกี “แอบปีนขึ้นยอดเอเวอเรสต์ทางฝั่งเหนือ” และข้ามไปเข้าเขตแดนเนปาลในฝั่งใต้
โฆษกสมาคมให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีว่า มาตรการนี้จะบังคับใช้ต่อชาวต่างชาติเท่านั้น ส่วนนักปีนเขาชาวจีนจะไม่ได้รับผลกระทบ