รอยเตอร์ - พรรคคอนเซอร์เวทีฟของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ แห่งอังกฤษมีคะแนนนิยมนำพรรคแรงงานฝ่ายค้านอยู่เพียง 1 จุด ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปจะมีขึ้นในอีก 3 วันข้างหน้า ตามผลสำรวจของสถาบันเซอร์เวชัน (Survation) ที่เผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์ไอทีวีเมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.)
ผลสำรวจดังกล่าวจัดทำในช่วงวันศุกร์ (2) และเสาร์ (3) หรือก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์กลุ่มอิสลามิสต์ 3 คนขับรถพุ่งชนและไล่แทงประชาชนที่ลอนดอนบริดจ์ จนมีผู้เสียชีวิต 7 ราย บาดเจ็บอีก 48 คน
ก่อนหน้านี้ พรรคคอนเซอร์เวทีฟเคยมีช่วงคะแนนนำอยู่ราว 6 จุด ตามโพลของเซอร์เวชันที่เผยแพร่ทางไอทีวีเมื่อ 1 สัปดาห์ก่อน ทว่าโพลเซอร์เวชันที่เผยแพร่ในวันเสาร์ (3) ทางหนังสือพิมพ์เดอะเมลออนซันเดย์พบว่า พรรครัฐบาลมีช่วงคะแนนนำลดลงมาอยู่ที่ 1 จุดเช่นกัน
เซอร์เวชันระบุว่า จากการทำโพลครั้งล่าสุดพบว่าพรรคคอนเซอร์เวทีฟของนายกฯ เมย์ มีคะแนนนิยมราว 41.5% ขณะที่พรรคแรงงานไล่บี้มาติดๆ 40.4% หากผลเลือกตั้งในวันที่ 8 มิ.ย.ออกมาเช่นนี้ พรรคคอนเซอร์เวทีฟก็ยากที่จะครองเสียงข้างมากในสภาได้
อย่างไรก็ตาม โพลของสถาบันอื่นๆ ได้ให้ช่วงคะแนนนำของพรรคคอนเซอร์เวทีฟในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเอาไว้กว้างกว่านี้ โดยอยู่ระหว่าง 11-12 จุด
โพลเซอร์เวชัน/ไอทีวีสรุปจากการสอบถามความคิดเห็นชาวอังกฤษจำนวน 1,103 คน
เมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน โพลแทบทุกสำนักระบุตรงกันว่า เมย์ จะคว้าชัยชนะอย่างถล่มทลายในศึกเลือกตั้งรัฐสภาคราวนี้ ซึ่งผู้นำหญิงชี้ว่าจะถือเป็นอาณัติสัญญาณจากชาวอังกฤษให้รัฐบาลเดินหน้าเจรจา “เบร็กซิต”
อย่างไรก็ตาม คะแนนนิยมของพรรคคอนเซอร์เวทีฟเริ่มเข้าสู่ขาลง หลังจากที่ เมย์ เสนอแผนให้ผู้สูงอายุจ่ายเงินอุดหนุนสวัสดิการสังคมเพิ่มขึ้น แม้เธอจะรีบออกมาแก้ข่าวว่ารัฐบาลจะจำกัดวงเงินที่ประชาชนต้องจ่ายก็ตาม
ทั้งนี้ ยังไม่แน่ว่าเหตุโจมตีลอนดอนเมื่อค่ำคืนวันเสาร์ (3) จะกระทบต่อผลการเลือกตั้งรัฐสภาอังกฤษมากน้อยเพียงใด เพราะแม้ช่วงคะแนนนำของพรรคคอนเซอร์เวทีฟจะลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตายที่แมนเชสเตอร์เมื่อวันที่ 22 พ.ค. แต่สถาบันจัดทำโพลส่วนใหญ่ชี้ว่า สาเหตุเกิดจาก “นโยบาย” ของพรรคคู่แข่งมากกว่าการก่อวินาศกรรม
ผลสำรวจของเซอร์เวชันเมื่อวานนี้ (5) ยังพบว่า คนอังกฤษ 50% เชื่อว่า เมย์ จะเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดีกว่า เจเรมี คอร์บีน หัวหน้าพรรคแรงงาน แต่ระดับความน่าเชื่อถือของ คอร์บีน ในการเป็นผู้นำประเทศก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 15% ในช่วงต้นเดือน พ.ค. มาอยู่ที่ 36% ณ เวลานี้