เอเอฟพี - เครื่องบินซึ่งมีเจ้าหน้าที่ทูตรัสเซีย 35 คนโดยสาร ได้เดินทางออกจากกรุงวอชิงตันแล้วในวันอาทิตย์ (1 ม.ค.) ภายใต้คำสั่งเนรเทศของ “บารัค โอบามา” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากคำกล่าวหาว่ามอสโกแทรกแซงการเลือกตั้งประธาาธิบดีเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
สำนักข่าวอาร์ไอเอ โนวอสติ สื่อมวลชนแห่งรัฐของแดนหมีขาวรายงานอ้างการเปิดเผยของสถานทูตรัสเซียประจำวอชิงตัน ว่า “เครื่องบินออกเดินทางแล้ว ทุกคนอยู่บนเครื่อง”
รายงานข่าวระบุว่า ญาติๆ ของคณะทูตก็อยู่บนเที่ยวบินดังกล่าวเช่นกัน ส่งผลให้เครื่องบินลำนี้มีผู้โดยสารทั้งหมด 96 คน
การขับไล่ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการคว่ำบาตรตามคำสั่งของประธานาธิบดีบารัค โอบามา เมื่อวันพฤหัสบดี (29 ธ.ค.) ในสัปดาห์ท้ายๆ ของรัฐบาลของเขา
“เรายืนยันว่าทูตรัสเซีย 35 คนที่ถูกประกาศให้เป็นบุคคลไม่พึงประสงค์ พร้อมครอบครัวของเขา ได้เดินทางออกจากสหรัฐฯ แล้ว” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของอเมริกาเปิดเผยกับเอเอฟพี
คณะทูตเหล่านี้ที่สหรัฐฯ อ้างว่าเป็นผู้ปฏิบัติการด้านข่าวกรอง ประจำอยู่ ณ สถานทูตรัสเซียในวอชิงตัน และสถานกงสุลในซานฟรานซิสโก ถูกขีดเส้นตายเมื่อวันพฤหัสบดี (29 ธ.ค.) ให้เดินทางออกนอกอเมริกาภายใน 72 ชั่วโมง
หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ระบุว่าเครมลินสั่งการให้แฮกระบบและเผยแพร่อีเมลทีมงานหาเสียงของนางฮิลลารี คลินตัน เพื่อผลักดัน โดนัลด์ ทรัมป์ เข้าสู่ทำเนียบขาว
โอบามายังสั่งปิดที่ทำการด้านการทูต 2 แห่งของรัสเซียในนิวยอร์กและแมรีแลนด์ ที่สหรัฐฯกล่าวหาว่ามันถูกใช้ในวัตถุประสงค์ด้านข่าวกรอง นอกจากนี้ก็ได้มีมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อสำนักงานความมั่นคงแห่งรัฐ (เอฟเอสบี) และสำนักงานข่าวกรองหลัก (จีอาร์ยู) 2 หน่วยงานข่าวกรองของรัสเซีย ครอบคลุมเจ้าหน้าที่ 4 คนของจีอาร์ยู ซึ่งรวมถึง อิกอร์ โคโรบอฟ หัวหน้าหน่วยงานแห่งนี้ด้วย
มอสโกปฏิเสธคำกล่าวหาดังกล่าว และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ปฏิเสธตอบโต้ด้วยการส่งทูตสหรัฐฯกลับบ้าน ความเคลื่อนไหวที่ส่งสัญญาณว่าเขามองข้ามไปที่ทรัมป์ ในความพยายามรื้อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-รัสเซีย หลังพิธีสาบานตนรับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม
ด้าน ทรัมป์ ย้ำถึงความสงสัยเกี่ยวกับการค้นพบของหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ โดยบอกว่า “เขารู้บางอย่างในสิ่งที่คนอื่นไม่รู้เกี่ยวกับสถานการณ์นี้”