เอเอฟพี - สหรัฐฯ ของประธานาธิบดี บารัค โอบามา ในวันพฤหัสบดี (29 ธ.ค.) เอาคืนรัสเซียต่อคำกล่าวหาแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดี ด้วยแถลงมาตรการคว่ำบาตรอันหนักหน่วงต่อเหล่าหน่วยงานข่าวกรองของมอสโก ขับไล่เจ้าหน้าที่ด้านการทูตและสั่งปิดที่ตั้งด้านการทูตรัสเซียในแผ่นดินอเมริกา ส่วนมอสโกแถลงทันควันบอกจะตอบโต้อย่างเหมาะสม และเย้ยหยันประสิทธิผลของมาตรการดังกล่าว เนื่องจากอีกไม่นานรัฐบาลเดโมแครตก็จะพ้นจากตำแหน่ง
ประธานาธิบดีโอบามากล่าวหา วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย สั่งการโดยตรงเจาะระบบอเมริกา ที่พวกเดโมแครตจำนวนมากเชื่อว่ามันกัดเซาะโอกาสก้าวเข้าสู่ทำเนียบขาวของนางฮิลลารี คลินตัน ระหว่างการชิงชัยอันสูสีกับ โดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากรีพับลิกัน
ประชาคมข่าวกรองสหรัฐฯ มีข้อสรุปว่าการแฮกระบบและเผยแพร่อีเมลพรรคเดโมแครตและทีมหาเสียงของคลินตัน มีเป้าหมายเพื่อผลักดันทรัมป์ ผู้อ่อนพรรษาทางการเมืองและชื่นชมปูติน ก้าวเข้าสู่ทำเนียบขาว
แน่นอนว่ามาตรการดังกล่าวจะโหมกระพือความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับวอชิงตัน ช่วง 3 สัปดาห์ก่อนทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง “ผมออกคำสั่งให้ดำเนินการต่างๆ ตอบโต้การคุกคามก้าวร้าวต่อเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ของรัฐบาลรัสเซีย และปฏิบัติการทางไซเบอร์ที่มีเป้าหมายเล่นงานศึกเลือกตั้งอเมริกา” โอบามากล่าว
โอบามากล่าวต่อว่า “มาตรการนี้มีขึ้นตามหลังคำเตือนที่เราได้แจ้งกับรัฐบาลรัสเซียทั้งแบบเป็นส่วนตัวและต่อสาธารณะหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งเราจำเป็นต้องตอบโต้อย่างเหมาะสมต่อความพยายามทำร้ายผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ด้วยพฤติกรรมที่ละเมิดต่อบรรทัดฐานระหว่างประเทศ”
ในบรรดามาตรการต่างๆ ที่แถลงออกมา รวมถึงมาตรการลงโทษหน่วยข่าวกรอง เอฟเอสบีและจีอาร์ยูของรัสเซีย กำหนดให้เจ้าหน้าที่ทูตมอสโก 35 คนเป็นบุคคลไม่พึงปรารถนา และปิดที่ทำการด้านการทูตรัสเซีย 2 แห่งในนิวยอร์กและแมรีแลนด์ ที่ทางสหรัฐฯ อ้างว่าใช้สำหรับวัตถุประสงค์ด้านข่าวกรอง
วอชิงตันกล่าวหาศูนย์อำนวยการข่าวกรองหลักของกองทัพรัสเซีย (GRU) เจาะข้อมูลโดยมีเจตนาแทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐฯ โดยมีสำนักงานความมั่นคงกลาง (FSB) คอยช่วยเหลือ
ทั้งสองหน่วยงานจะเจอมาตรการคว่ำบาตร เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ของ GRU จำนวน 4 ราย ในนั้นรวมถึง อิกอร์ วาเลนติโนวิช โคโรบอฟ หัวหน้าศูนย์ข่าวกรองแห่งนี้ ขณะเดียวกันทางกระทรวงการคลังอเมริกาได้กำหนดมาตรการลงโทษบุคคลอื่นๆ อีก 2 ราย ได้แก่ เอฟกินีย์ มิคาอิโลวิช โบกาเชฟ และ อเลคเซย์ อเลคเซเยวิช เบลาน ฐานเกี่ยวข้องกับกิจกรรมปองร้ายทางไซเบอร์
มาตรการดังกล่าวจะเป็นการอายัดทรัพย์สินใดๆ ในสหรัฐฯ และห้ามภาคธุรกิจสหรัฐฯ คบค้ากับพวกเขา
สหรัฐฯ ระบุว่า โดยรวมแล้วมีผู้ปฏิบัติการข่าวกรองรัสเซีย 35 คน ซึ่งประจำอยู่ในสถานทูตรัสเซียประจำวอชิงตันและสถานกงสุลในซานฟรานซิสโก ถูกประกาศให้เป็นบุคคลไม่พึงประสงค์ และได้รับคำสั่งให้ออกนอกอเมริกาภายใน 72 ชั่วโมง
นอกจากนี้แล้ว รัฐบาลสหรัฐฯ ยังกำลังจำแนกข้อมูลทางเทคนิคเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวทางไซเบอร์ของรัสเซีย เพื่อช่วยบริษัทต่างๆ ป้องกันการโจมตีในอนาคต
วอชิงตันโพสต์รายงานว่า ก่อนหน้าศึกเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน รัฐบาลโอบามาเตือนรัสเซียผ่านช่องทางด้านการรทูตให้หยุดแทรกแซงทางไซเบอร์ ขณะที่โอบามา ได้พูดคุยในเรื่องนี้กับปูติน ระหว่างร่วมประชุมจี 20 ในจีนเมื่อเดือนกันยายน
ราว 1 สัปดาห์ก่อนเลือกตั้ง วอชิงตันส่งสารถึงมอสโก โดยใช้ช่องทางการสื่อสารในสถานการณ์วิกฤตเป็นครั้งแรก ร้องขอให้พวกเขาหยุดโจมตีระบบลงทะเบียนผู้มีสิทธิออกเสียงและระบบการเลือกตั้ง
หลังจากสหรัฐฯ แถลงมาตรการคว่ำบาตรไม่นาน ทางโฆษกของประธานาธิบดีปูตินได้ออกถ้อยแถลงในวันพฤหัสบดี (29 ธ.ค.) ระบุว่ามาตรการของอเมริกาที่กำหนดต่อรัสเซียจะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างมอสโกกับวอชิงตัน
ดิมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลิน บอกว่าปูตินจะตอบโต้อย่างเหมาะสมต่อมาตรการคว่ำบาตรดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เขาบอกว่ามอสโกมีความสงสัยต่อประสิทธิผลของมาตรการนี้ เพราะว่ารัฐบาลปัจจุบันของโอบามากำลังพ้นจากตำแหน่งในอีก 3 สัปดาห์ข้างหน้า