ซิดนีย์มอร์นิงเฮรัลด์ - หลังจากทำการสแกนเหนือท้องฟ้าเพื่อค้นหาข้อความจากเอเลี่ยนโดยเปล่าประโยชน์มานานหลายศตรรษ นักวิทยาศาสตร์ชักหมดความอนทน ระบุถึงเวลาแล้วที่จะหันมาลองใช้กฎมารยาทพื้นฐานของการติดต่อ นั่นคือเป็นฝ่ายเปิดฉากกล่าวสวัสดีทักทายสิ่งมีชีวิตนอกโลกก่อน
องค์กรข่าวกรองข่าวสารสิ่งมีชีวิตนอกโลก (METI) ซึ่งมีสำนักงานในซานฟรานซิสโก มีแผนส่งสัญญาณไปยังดวงดาวต่างๆ ที่อยู่ห่างไกล แทนการเฝ้ารอคอยให้พวกเขาส่งสัญญาณมายังโลก
โครงการนี้จะเริ่มในช่วงปลายปี 2018 โดยมีเป้าหมายเริ่มต้นส่งเสียงสนทนาบางอย่างผ่านสัญญาณวิทยุหรือเลเซอร์ไปยังดาวเคราะห์หินดวงหนึ่งที่โคจรรอบดาวแคระแดง “Proxima Centauri” ซึ่งเป็นดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้กับดวงอาทิตย์มากที่สุด จากนั้นก็มุ่งสู่จุดหมายที่ไกลกว่าเดิม ห่างออกไปหลายแสนปีแสง
ปฏิบัติการนี้จะเป็นความพยายามครั้งแรกในการส่งสารอันทรงพลังซ้ำๆ และอย่างจงใจไปยังอวกาศ โดยมีเป้าหมายที่ดาวดวงเดิมๆ ต่อเนื่องเป็นเวลาหลายเดือนหรือหลายปี “หากเราต้องการเริ่มแลกเปลี่ยนวิถีของหลายเผ่าพันธุ์ เราต้องเรียนรู้และแบ่งปันข้อมูล” ดักลาส วาคอช ประธานของ METI กล่าว
METI ซึ่งก่อตั้งเมื่อปีที่แล้ว จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ 2 ครั้งในปีหน้า ที่ปารีส เมืองหลวงของฝรั่งเศส และเซนต์หลุยส์ รัฐมิสซูรี สหรัฐฯ นอกจากนี้ยังมีแผนเริ่มระดมทุน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับเงินเดือนเจ้าหน้าที่ รวมถึงค่าใช้จ่ายสำหรับสร้างหรือยืมเครื่องส่งสัญญาณอันทรงพลังในพื้นที่ห่างไกล
ส่วนหนึ่งของภารกิจนี้จะเป็นการหาคำตอบว่าการส่งข้อความกล่าวทักทายรูปแบบใดถึงจะเหมาะสมที่สุุด
อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ก็เหมือนโครงการทางวิทยาศาสตร์อื่นๆ ที่กระพือข้อถกเถียงบางอย่าง โดยบางส่วนตั้งคำถามว่า “หากมนุษย์ต่างดาวเหล่านั้นเป็นศัตรู พวกเราต้องการให้พวกเขารู้จริงหรือว่าเราอยู่ที่ไหน?”
กระนั้นก็มีบางคนที่เห็นว่าควรจะรอจนกว่าจะหาลักษณะของการสนทนาที่ดีกว่านี้ “เสียงอ้อแอ้ของทารก มักถูกเมินตลอดระหว่างการสนทนาของผู้ใหญ่ การฟังและการเรียนรู้คือแนวทางที่เด็กโตเป็นผู้ใหญ่ ทำไมเราไม่หยุดความพยายามไว้สักพักล่ะ” แอนดรูว์ แฟรงค์นอย หัวหน้าสาขาดาราศาสตร์ของวิทยาลัยฟุตฮิลล์ ในลอส อัลตอส ฮิลส์ กล่าว “ถ้าใครก็ตามมีความสามารถส่งสารข้อความได้ แต่ตัดสินใจแค่นั่งรอสารข้อความ มันคงเป็นจักรวาลที่เงียบเชียบอย่างที่สุด”
ขณะเดียวกันมีบางส่วนที่สนับสนุนความพยายามนี้ “ผมยินดีที่เห็นการลงมือทำในเรื่องนี้” เซธ ชอสตัค นักดาราศาสตร์อาวุโสของสถาบันเซติ (Search for Extraterrestrial Intelligence - SETI) กล่าว “ผมคิดว่ามีบางอย่างที่จำเป็นต้องเรียนรู้ ไม่มีอะไรต้องกลัว และอย่างน้อยก็เป็นไปได้ที่จะค้นพบบางอย่างที่อาจเป็นการปฏิวัติอย่างแท้จริง”
ทั้งนี้ SETI เป็นสถาบันที่ค้นหาหลักฐานของการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกที่มีภูมิปัญญา โดยทั่วไปหมายถึงการเฝ้าระวัง และตรวจตราท้องฟ้า เพื่อตรวจจับการส่งสัญญาณจากอวกาศ (คลื่นวิทยุ, คลื่นไมโครเวฟ, แสง) ที่อาจส่งมาจากอารยธรรมที่อยู่บนดาวเคราะห์ดวงอื่น
ก่อนหน้านี้เคยมีความพยายามติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวหลายต่อหลายครั้ง แต่เกิดขึ้นไม่สม่ำเสมอ ขณะที่ไม่มีกฎระเบียบสำหรับการส่งสัญญาณขึ้นสู่อวกาศ
ในช่วงต้นทศวรรษ 1970 ยานอวกาศไพโอเนียร์ 10 และ 11 ของนาซา เคยนำสารขึ้นไปในรูปแบบของแผ่นจารึกทำจากโลหะอะลูมิเนียมเคลือบผิวด้วยทองคำ ติดอยู่ข้างยานสำรวจอวกาศในความพยายามสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตนอกโลก