เอพี - เมื่อวานนี้ (21 ธ.ค.) รัฐบาลเอธิโอเปียออกแถลงการณ์ปล่อยตัวผู้ที่อยู่ในเรือนจำราว 9,800 คน ที่ถูกจับกุมภายใต้การประกาศใช้ภาวะฉุกเฉิน โดยอ้างว่า คนเหล่านี้ได้รับการอบรมอย่างเพียงพอ “และจะไม่กลายเป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้มความเสื่อมทรามทีพวกเราได้ประจักษ์ในอดีต”
เอพีรายงานเมื่อวานนี้ (21 ธ.ค.) ว่า ซาดิก อับราฮา (Zadig Abraha) ผู้ช่วยโฆษกรัฐบาลเอธิโอเปียออกแถลงการณ์กับเอพีในวันพุธ (21 ธ.ค.) ประกาศปล่อยตัวผู้ที่ถูกจับกุมตัวร่วม 9,800 คน ออกจากเรือนจำ โดยพบว่าคนทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่ถูกจับในขณะที่เอธิโอเปียประกาศใช้กฎหมายภาวะฉุกเฉิน แต่อย่างไรก็ตาม พบว่า รัฐบาลเอธิโอเปียยังคงมีแผนการที่จะจะกุมเพิ่มอีก 2,500 คน ภายใต้ข้อหาทำให้เกิดความไม่สงบในประเทศ
โดยในแถลงการณ์ ซาร์ดิก ระบุว่า “คนจำนวนนี้ได้รับการอบรมมามาก…ดังนั้น พวกเขาจะไม่เป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้มความเสื่อมทรามที่พวกเราได้ประจักษ์ในอดีต”
ทั้งนี้ ประเทศแอฟริกาตะวันออกแห่งนี้ ประกาศภาวะฉุกเฉินมาตั้งแต่ตุลาคมที่ผ่านมา หลังจากการประท้วงต้านรัฐบาลที่ต่อเนื่องยาวนานเกิดขึ้นเกือบปี โดยกลุ่มสิทธิมนุษยชนออกมายืนยันว่า เหตุการณ์นี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนหลายร้อยคน และเป็นความรุนแรงร้ายแรงที่สุดนับตั้งแต่พรรครัฐบาลเอธิโอเปียเข้สู่อำนาจในปี 1991
ซึ่งกลุ่มสิทธิมนุษยชนได้กล่าวหาว่า ***เอธิโอเปียใช้อำนาจรัฐเกินกว่าเหตุ***
เอพีรายงานเพิ่มเติมต่อว่า ผู้ถูกจับกุมส่วนใหญ่มาจากแคว้นโอโรเมีย (Oromia) และแคว้นอัมฮารา (Amhara) อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเอธิโอเปีย อ้างว่า ภายใต้ภาวะฉุกเฉิน ผู้ถูกจับกุมจะถูกส่งเข้าศูนย์ฟื้นฟูโดยไม่ต้องถูกตั้งข้อกล่าวหา
และผู้ช่วยโฆษกรัฐบาลเอธิโอเปีย ยืนยันโดยอ้างว่า “ที่ผ่านมา เอธิโอเปียได้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลด้านสันติภาพและความมั่นคง” ที่ได้มาจากการประกาศภาวะฉุกเฉิน ซึ่งจะสิ้นสุดลงในเดือนเมษายนที่จะถึงนี้
และนอกจากนี้ ซาร์ดิก กล่าวว่า รัฐบาลเอธิโอเปียได้ออกคำสั่งยกเลิกการห้ามเดินทางการทูตไม่เกิน 40 กม. นอกกรุงอาดิส อาบาบา