เอเจนซีส์/เอพี - กระทรวงกลาโหมเอธิโอเปีย แถลงในวันอาทิตย์ (30 ต.ค.) ว่า หลังจากได้ให้การอบรบแล้ว ผู้ที่อยู่ในเรือนจำจำนวน 2,000 คน ถูกปล่อยตัวออกมา หลังจากคนเหล่านี้ได้ถูกจับกุมในช่วงระหว่างการประท้วงสิทธิครอบครองที่ดิน และความเท่าเทียมของชนเผ่าโอโมโร ต่อต้านแอดดิสอาบาบา ครั้งใหญ่ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 55 ราย เนื่องมาจากเหยียบกันตาย และนำมาสู่การประกาศใช้กฎหมายภาวะฉุกเฉินเป็นเวลา 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 9 ต.ค. แต่อย่างไรก็ตาม ในแถลงการณ์ของรัฐบาลเอธิโอเปียไม่ได้เปิดเผยจำนวนตัวเลขจับกุมแท้จริง เปิดเผยเพียงตัวเลขอาวุธของกลางที่ยึดมาได้ 1,500 ชิ้น
นิวสวีก รายงานเมื่อวานนี้ (31 ต.ค.) ว่า รัฐมนตรีกลาโหมเอธิโอเปีย สิราจ เฟเจสซา (Siraj Fegessa) ออกแถลงการณ์ยืนยันการปล่อยตัวกลุ่มผู้ประท้วงจำนวน 2,000 คน ออกมาจากเรือนจำแล้ว หลังจากที่คนทั้งหมดได้รับการอบรมและคำแนะนำ ซึ่งคนเหล่านี้ต้องสงสัยว่า ร่วมอยู่ในการประท้วงรุนแรงในเอธิโอเปีย สื่อรัฐบาลเอธิโอเปีย Fana รายงาน
โดยเอพีได้รายงานคำแถลงของเฟเจสซาที่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่น ว่า “มีคนราว 2,000 คน ถูกจับกุม และได้รับการปล่อยตัวในภายหลัง ซึ่งคนทั้งหมดได้รับการอบรมภายใต้การประกาศใช้กฎหมายภาวุฉุกเฉิน” เฟเจสซา ซึ่งทำหน้าที่เป็นควบคุมการบังคับใช้กฎหมายภาวะฉุกเฉินแถลง
และในรายงานของซูดานทริบูน เฟเจสซาได้เปิดเผยกับนักข่าวเพิ่มเติมในวันอาทิตย์ (30 ต.ค.) ว่า ความสงบเรียบร้อยกลับคืนสู่เอธิโอเปียหลังจากที่มีการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้
นอกจากนี้ สื่อซูดานรายงานว่า เฟเจสซา ได้แถลงว่า กลุ่มคนที่เชื่อว่าอยู่เบื้องหลังเหตุไม่สงบก่อนหน้านี้ได้ยอมเข้ามอบตัวต่อแอดดิสอาบาบาอย่างสันติ
โดยเฟเจสซากล่าวยืนยันว่า คนเหล่านี้มีสิทธิ์ได้รับการอภัยโทษ แต่ต้องขึ้นอยู่กับระดับความผิดที่ได้ก่อ ซูดานทริบูนรายงาน ซึ่งในทันทีที่แอดดิสอาบาบาได้ออกคำสั่งบังคับใช้กฎหมายภาวะฉุกเฉิน และพร้อมกันนั้น ทางรัฐบาลเอธิโอเปียได้สั่งให้กลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังเข้ามอบตัวทันที
และในการแถลงของรัฐมนตรีกลาโหมเอธิโอเปีย ได้ชี้ว่า กลุ่มผู้ต้องสงสัยที่ยอมเข้ามอบตัวมีบทบาทในเหตุความไม่สงบที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น ซึ่งพบว่ามีผู้ต้องสงสัยบางส่วนได้ทยอยเข้ามอบตัวแล้ว
จากข้อมูลของแอดดิสอาบาบา พบว่า มีกลุ่มคนเดินทางมามอบตัวไม่ต่ำกว่า 400 คน ได้เข้ามอบตัวต่อกองทัพเอธิโอเปียตามเงื่อนไขนิรโทษกรรม 10 วัน และในส่วนผู้ต้องขังที่ยังอยู่ในคุก ถูกส่งตัวไปเข้ารับการอบรมในศูนย์ฝึกต่าง ๆ ในแคว้นอัมฮารา และแคว้นโอมิยา
โดยรัฐมนตรีกลาโหมเอธิโอเปีย ได้ย้ำว่า ในเวลานี้ธุรกิจและการลงทุนกลับมาดำเนินการปกติอีกครั้ง ประชาชนชาวเอธิโอเปียดำเนินชีวิตตามปกติ
ทั้งนี้ รัฐบาลเอธิโอเปียได้ออกคำสั่งบังคับใช้กฎหมายภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศเป็นเวลา 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 9 ต.ค. เป็นต้นมา หลังจากก่อนหน้านี้ มีการประท้วงอย่างยืดเยื้อมานานหลายเดือนจาก 2 ชนเผ่าใหญ่ เผ่าโอโรโม (Oromo) และเผ่าอัมฮารา (Amhara) ที่เริ่มต้นมาจากการเรียกร้องในสิทธิที่ดิน และต่อมาครอบคลุมไปถึงสิทธิความเท่าเทียมในทุกด้าน
โดยประชาชนชาวเอธิโอเปียทั่วไปถูกจำกัดไม่ให้ติดต่อกับกลุ่มนื้ที่เรียกว่า “กองกำลังนอก” ทางโซเชียลมีเดีย และจากการรวมตัวประท้วงที่ถูกจัดขึ้นในบริเวณโรงเรียน หรือ มหาวิทยาลัย รวมไปถึงข้อห้ามอื่น ๆ ที่ถูกกำหนดมาจากแอดดิสอาบาบา
และในแถลงการณ์ของเฟเจสซา ยังกล่าวต่อว่า ในการประท้วง ทางการเอธิโอเปียสามารถยึดอาวุธผิดกฎหมายได้จำนวนมากถึง 1,500 ชิ้น แต่ทว่าในแถลงการณ์กลับไม่กล่าวถึงจำนวนตัวเลขการจับกุมทั้งหมด นิวสวีกชี้
ทั้งนี้ พบว่า กองกำลังความมั่นคงเอธิโอเปียได้จับกุมผู้ต่อต้านจำนวนมากถึง 2,600 คน ในวันที่ 20 ต.ค. ซึ่งเป็นวันที่เอธิโอเปียได้อยู่ใต้กฎหมายประกาศภาวะฉุกเฉินแล้ว อ้างอิงมาจากการรายงานของบีบีซี
และเป็นเหตุให้ประธานาธิบดีเอธิโอเปีย มูลาทู เทโชเม ต้องตัดสินใจประกาศภาวะฉุกเฉินเนื่องมาจากกลุ่มผู้ประท้วงความเท่าเทียมชนเผ่าโอโมโร ซึ่งได้มีการแสดงสัญลักษณ์ต่อต้านรัฐบาลเอธิโอเปียด้วยการใช้ข้อมือไขว้กันเหนือศีรษะ เข้าร่วมงานพิธีอีร์รีชา (Irreecha) เทศกาลขอบคุณพระเจ้าของชนเผ่าโอโรโม ในแคว้นโอโรมิยา (Oromia) เมื่อวันที่ 2 ต.ค. ที่ผ่านมา
ทำให้เกิดเหตุสลด มีประชาชนชาวเอธิโอเปียเสียชีวิตจำนวนไม่ต่ำกว่า 50 คน เนื่องมาจากเหยียบกันตาย หลังจากตำรวจปราบจลาจลเอธิโอเปียได้ตัดสินใจสลายม็อบต่อต้านด้วยการยิงแก๊สน้ำตา และกระสุนยางเข้าใส่ฝูงผู้ประท้วง