เอเอฟพี - ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ของสหรัฐฯ ออกคำสั่งให้ตรวจสอบทบทวนกรณีโจมตีทางไซเบอร์ทั้งหมดซึ่งเกิดขึ้นระหว่างช่วงระยะเวลาการหาเสียงเลือกตั้งของปี 2016 นี้ ทั้งนี้ ตามการแถลงของทำเนียบขาวในวันศุกร์ (9 ธ.ค.) ท่ามกลางข้อกล่าวหาดังอึงคะนึงที่ว่าฝ่ายรัสเซียได้แทรกแซงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
“ท่านประธานาธิบดีออกคำสั่งให้ประชาคมข่าวกรองทำการตรวจสอบทบทวนอย่างเต็มที่ เกี่ยวกับสิ่งซึ่งเกิดขึ้นในระหว่างกระบวนการการเลือกตั้งปี 2016 นี้” ลิซา โมนาโค ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของโอบามา กล่าว
โมนาโค พูดในระหว่างการเลี้ยงอาหารเช้า ซึ่งมี คริสเตียน ไซแอนซ์ มอนิเตอร์ หนังสือพิมพ์ระดับชาติที่เปลี่ยนโฉมไปเป็นหนังสือพิมพ์ออนไลน์เป็นเจ้าภาพ ว่า เป็นเรื่องสำคัญยิ่งยวดที่จะต้อง “เข้าใจว่าเรื่องนี้หมายความว่าอย่างไร ต้องรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นมา และต้องศึกษาบทเรียนบางประการจากเรื่องนี้”
เธอบอกด้วยว่า โอบามา คาดหวังว่า จะได้รับรายงานก่อนที่เขาจะอำลาตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม ปีหน้า และ โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ามารับหน้าที่ต่อ
ความเคลื่อนไหวคราวนี้มีขึ้นหลังจากพวกเดโมแครตในรัฐสภาได้กดดันทำเนียบขาวให้เปิดเผยรายละเอียดต่อรัฐสภา และต่อสาธารณชน เกี่ยวกับการแฮกข้อมูลของพวกรัสเซีย ตลอดจนการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารในทางผิดๆ ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้
ทั้งนี้ ในช่วงหลายเดือนก่อนจะถึงการเลือกตั้ง ได้มีอีเมลลับหลายฉบับจากคณะกรรมการแห่งชาติของพรรคเดโมแครต และจาก จอห์น โปเดสตา ที่ปรึกษาระดับท็อปคนหนึ่งของ ฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครของพรรคเดโมแครต รั่วไหลถูกปล่อยออกมาเผยแพร่บนเว็บไซต์ “วิกิลีกส์” ซึ่งได้สร้างความเสียหายให้แก่คลินตัน และในที่สุดแล้วเธอก็พ่ายแพ้ต่อทรัมป์ในการแข่งขันชิงทำเนียบขาว
ในวันที่ 7 ตุลาคม หรือ 1 เดือนกับอีก 1 วันก่อนวันเลือกตั้ง กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ และผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ ได้ประกาศว่า “รัฐบาลรัสเซียเป็นผู้สั่งการให้เกิดความเสียหายแก่อีเมลต่างๆ ที่มาจากบุคคลและสถาบันของสหรัฐฯเมื่อเร็วๆ ซึ่งก็รวมทั้งอีเมลจากองค์การทางการเมืองต่างๆ ของสหรัฐฯ”
“การโจรกรรมและการนำเอา (อีเมล) ไปเปิดเผยเหล่านี้ เป็นไปด้วยเจตนาที่จะเข้าแทรกแซงในกระบวนการการเลือกตั้งของสหรัฐฯ” กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ และผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ ระบุ
ทว่า ทางฝ่ายว่าที่ประธานาธิบดี ทรัมป์ ในระหว่างให้สัมภาษณ์นิตยสารไทม์ เนื่องในโอกาสที่เขาได้รับรางวัล “บุคคลแห่งปี” ซึ่งไทม์ได้นำเอาบทสัมภาษณ์นี้มาตีพิมพ์เผยแพร่เมื่อวันพุธ (7) นั้น เขากล่าวปฏิเสธไม่ยอมรับผลการสืบสวนเหล่านี้ และเมื่อถูกถามว่า วงการข่าวกรองถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองใช่หรือไม่ ทรัมป์ ก็ตอบว่า “ผมคิดว่าเป็นอย่างนั้นนะ”
“ผมไม่เชื่อว่าพวกเขา (ฝ่ายรัสเซีย) เข้ามาแทรกแซง เรื่องนี้กำลังกลายเป็นประเด็นสำหรับหัวเราะขำขันกันไปแล้ว มันไม่ใช่เป็นประเด็นสำหรับการพูดจาหารือกันนะ เป็นประเด็นสำหรับหัวเราะขำขันกัน เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมทำอะไรบางสิ่งบางอย่าง พวกเขาก็เอาแต่พูดว่า ‘โอ้ ดูเถอะ รัสเซียเข้ามาแทรกแซงยุ่งเกี่ยว’”
“มันอาจจะเป็นฝีมือรัสเซีย และมันก็อาจจะเป็นฝีมือจีน และมันก็อาจจะเป็นฝีมือของใครบางคนในบ้านของเขาในนิวเจอร์ซีย์ก็ได้”
ความวิตกกังวลที่ว่าทรัมป์จะกลบเกลื่อนปัดกวาดเอาประเด็นนี้เข้าไปซุกไว้ใต้พรม ภายหลังการสาบานตัวเข้ารับตำแหน่งของเขาในวันที่ 20 มกราคม ปีหน้า ได้ทำให้วุฒิสมาชิกฝ่ายเดโมแครตจำนวน 7 คน ภายในคณะกรรมาธิการข่าวกรองของวุฒิสภา ออกมาเรียกร้องเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน ให้ทำเนียบขาวยกเลิกชั้นความลับของสิ่งที่ทำเนียบขาวทราบ เกี่ยวกับการเข้าแทรกแซงกระบวนการเลือกตั้งของฝ่ายรัสเซีย
เนื่องจากวุฒิสมาชิกทั้ง 7 คนนี้ มีสิทธิรับทราบรายละเอียดของข้อมูลที่ถูกจัดชั้นความลับเหล่านี้อยู่แล้ว ดังนั้น การเคลื่อนไหวของพวกเขาจึงเป็นการบ่งชี้ว่า พวกเขาเชื่อว่ามีข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมอยู่ในนั้น ซึ่งสาธารณชนควรที่จะได้รู้ด้วย
ต่อมาในวันอังคารสัปดาห์นี้ (6 ธ.ค.) ส.ส. คนสำคัญๆ ของพรรคเดโมแครต ได้ร่วมกันเรียกร้องโอบามา ให้สมาชิกทั้งหมดของรัฐสภาได้รับทราบข้อมูลลับเกี่ยวกับการที่ฝ่ายรัสเซียแฮกข้อมูลขององค์การทางการเมืองของสหรัฐฯ, รายงานข่าวปลอมที่ถูกระบุว่าผลิตขึ้นโดยพวกหน่วยงานของฝ่ายรัสเซียด้วยจุดมุ่งหมายที่จะชักนำให้ผู้ออกเสียงชาวอเมริกันเกิดความเข้าใจผิด, ตลอดจนการเข้าแทรกแซงอย่างอื่นๆ ที่อาจเป็นไปได้ต่อกระบวนการเลือกตั้งคราวนี้
“ด้วยการบ่อนทำลายความไว้วางใจของชาวอเมริกัน และของชาวต่างประเทศที่มีต่อสถาบันต่างๆ ของสหรัฐฯ รัสเซียทั้งทำให้ประเทศชาติของเราอ่อนแอลง และทั้งหว่านเพาะความไร้เสถียรภาพและความไม่แน่นอนในระดับโลกขึ้นมา” พวกเขาระบุ
ด้านสมาชิกพรรครีพับลิกันในรัฐสภาสหรัฐฯ ก็ให้สัญญาเช่นกันว่าจะจัดรายการให้ปากคำเกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆ ของรัสเซีย ในทันทีที่คณะบริหารชุดใหม่ของทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง