รอยเตอร์ - สหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ระบุ กองกำลังอิรักต้องสั่งถอนกำลังออกจากตัวโรงพยาบาลซาลาม (Salam) ในวันถัดไปหลังจากสามารถเข้ายึดได้ก่อนหน้านั้นในวันอังคาร (6 ธ.ค.) หลังถูกกองกำลังก่อการร้าย IS เปิดฉากโจมตีทุกด้านด้วยคาร์บอมบ์ถึง 6 คัน และระดมยิงอย่างหนัก
รอยเตอร์รายงานวันนี้ (9 ธ.ค.) ถึงความคืบหน้าปฏิบัติการยึดโมซุลคืนของรัฐบาลแบกแดดว่า ล่าสุดประชาชนในพื้นที่ได้ออกมาให้ข้อมูลว่า กองกำลังรบอิรักสามารถเข้ายึดโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในโมซุลได้ในเวลาช่วงสั้นๆ ซึ่งเชื่อกันว่าโรงพยาบาลแห่งนี้ถูกใช้เป็นฐานของกลุ่มก่อการร้าย IS แต่หลังจากนั้นกองกำลังรบต้องยอมล่าถอยออกมาหลังถูกกลุ่มก่อการร้ายโจมตีอย่างหนัก แต่ไม่กี่วันหลังจากนั้นยังสามารถยึดพื้นที่บริเวณใกล้เคียงและตั้งฐานกองกำลังรถถังได้สำเร็จ
ทั้งนี้ การคืบเข้าสู่เขตวาห์ดา (Wahda) อันเป็นที่ตั้งของโรงพยาบาลซาลาม (Salam) กลายเป็นจุดเปลี่ยนยุทธศาสตร์ทางการรบของปฏิบัติการยึดเมืองโมซุล หลังจากก่อนหน้าในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาของการต่อสู้ในโมซุลตะวันออก ที่ทางกองทัพอิรักประสบความสำเร็จสามารถยึดได้และได้เข้าเคลียร์พื้นที่จุดต่อจุด
การต่อสู้อย่างดุเดือดที่เกิดขึ้นแสดงถึงความสำคัญทางยุทธศาสตร์ของกองทัพอิรักในการผลักดันจากทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองโมซุล รุกคืบเข้าสู่ใจกลางตัวเมือง ซึ่งความคืบหน้าในการรุกคืบครั้งใหญ่ในการต่อสู้เป็นเวลานานถึง 7 สัปดาห์ของกองกำลังรบอิรักที่สามารถเอาชนะกลุ่มก่อการร้ายได้สำเร็จในเมืองที่ใหญ่ที่สุดทางเหนือของอิรัก
โดยในแถลงการณ์ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นชาติพันธมิตรนำการสนับสนุนปฎิบัติการยึดเมืองโมซุลครั้งนี้ระบุว่า ทหารอิรักสามารถยึดโรงพยาบาลซาลาม ซึ่งตั้งอยู่ห่างไปน้อยกว่า 1 ไมล์ห่างจากแม่น้ำไทกริส ซึ่งไหลผ่านผ่าใจกลางเมืองโมซุล ได้สำเร็จในวันอังคาร (6 ธ.ค.) แต่ต้องล่าถอยถอนกำลังออกจากพื้นที่กลับไปในวันถัดไป หลังถูกกลุ่มก่อการร้าย IS ใช้คาร์บอมบ์ถึง 6 คันโจมตี และระดมยิงต่อเนื่องอย่างหนักและยาวนาน
รอยเตอร์รายงานต่อว่า เครื่องบินโจมตีของชาติพันธมิตรตามที่แบกแดดร้องขอได้โจมตีเข้าไปที่ตึกซึ่งตั้งอยู่ด้านในของโรงพยาบาลซาลาม ซึ่งเป็นจุดที่สมาชิกกลุ่ม IS ต่อต้านด้วยปืนกลอัตโนมัติและจรวด RPG
ทั้งนี้ ในพื้นที่อื่นๆ ของเมืองโมซุลได้ถูกกองกำลังอิรักสามารถยึดกลับคืนได้สำเร็จแล้ว รอยเตอร์พบภาพตำรวจอิรักได้ยิงปืนขึ้นฟ้าขู่ และประกาศที่จะใช้กระสุนน้ำกับฝูงชนเพื่อบังคับไม่ให้ฝูงประชาชนในพื้นที่เบียดเสียดยัดเยียดแห่เข้าไปรับความช่วยเหลือบรรเทาทุกข์จากยูเอ็นจนเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งทางองค์การสหประชาชาติตั้งเป้าในการหยิบยื่นความช่วยเหลือให้กับชาวโมซุล 45,000 คนในหลายเขตพื้นที่
ด้านแหล่งข่าวทหารอิรักจากหน่วยยานรบที่ 9 ได้ให้ข้อมูลกับรอยเตอร์ทางโทรศัพท์ว่า ทางกองกำลังเพลี่ยงพล้ำในวันอังคาร (6) หลังสามารถบุกเข้าไปยังเขตวาห์ดาสำเร็จ
“ในครั้งแรกที่ทางกองกำลังของเราสามารถรุกคืบเข้าไปภายในเขตวาห์ดา ดูเหมือนจะได้รับการต่อต้านเล็กน้อยจากกลุ่มก่อการร้าย IS และทำให้พวกเราคิดว่า กลุ่มก่อการร้ายได้หลบหนีออกไปแล้ว” และเสริมต่อว่า “แต่หลังจากที่ทางกองกำลังอิรักสามารถเข้ายึดตัวโรงพยาบาลได้สำเร็จ ประตูนรกได้เปิดกว้างขึ้นอย่างน่าสะพรึงกลัว”
“ฝ่ายตรงกันข้ามปรากฏตัวให้เห็น และเริ่มโจมตีจากทุกด้าน ทุกถนน และจากทุกบ้านที่อยู่ใกล้โรงพยาบาลแห่งนี้”แหล่งข่าวทาหารอิรักเสริม และชี้ว่า มีความเป็นไปได้ที่กลุ่มก่อการร้ายอาจใช้เครือข่ายอุโมงค์ในการลอบเข้าไปยังโรงพยาบาลซาลาม
ด้านพยาบาลซึ่งทำหน้าที่อยู่ในโรงพยาบาลซาลามเปิดเผยว่า ในเวลาที่กองกำลังอิรักบุกเข้ามาในวันอังคาร (6 ธ.ค.) นั้น การ์ดของกลุ่มก่อการร้าย IS ได้ทำการเคลื่อนย้ายสมาชิกกลุ่มก่อการร้ายที่รักษาอาการบาดเจ็บที่นั้นออกไปแล้ว รวมไปถึงผู้บัญชาการรบในสมรภูมิจำนวนหนึ่ง ในขณะที่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลซาลามและคนไข้อื่นๆต่างใช้ห้องใต้ดินเป็นที่หลบภัย หลังมีการสู้รบเกิดขึ้นในอีก 1 ชม.ครึ่งหลังจากนั้น
หนึ่งในชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้โรงพยาบาลซาลาม ซึ่งเป็นอดีตทหารผ่านศึกสงคราม 8 ปีอิรักทำสงครามรบอิหร่านในช่วงยุคปี 80 ที่มีบ้านพักซึ่งตั้งห่างจากตัวโรงพยาบาลแห่งนี้ไปเพียงแค่ 300 เมตร ได้เปิดเผยความรู้สึกกับรอยเตอร์ว่า ไม่เคยเห็นภาพเช่นนี้มาก่อน
“เป็นสงครามที่หนักหน่วง พวกเขาใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ทุกชนิดที่มี นี่ไม่ใช่การรบตามแบบในตำราทั่วไป โดยมีทั้งระเบิด มือระเบิดฆ่าตัวตาย การโจมตีเป็นวงกว้างด้วยปืนใหญ่ และเครื่องบินรบ มีทุกอย่าง” แหล่งข่าวในพื้นที่ให้ความเห็น
และหลังจากการสู้รบยืดเยื้อนานถึง 3 วัน กองกำลังรบอิรักหน่วยรถถังและยานรบหุ้มเกราะสามารถยึดพื้นที่ปักหลักได้ในเขตวาห์ดาสำเร็จ