เอเอฟพี - ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรียระบุการยึดเมืองอะเลปโปกลับคืนมาจากฝ่ายกบฏได้จะถือเป็น “ก้าวสำคัญ” ในความพยายามยุติสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อมานานกว่า 5 ปี โดยไม่สนใจคำขอหยุดยิงของฝ่ายกบฏ ซึ่งถูกรุกไล่จนเหลือพื้นที่ยึดครองน้อยลงทุกที
ปฏิบัติการโจมตีอย่างหนักในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาช่วยให้รัฐบาลซีเรียสามารถยึดคืนพื้นที่กว่า 80% ในฝั่งตะวันออกของเมืองอะเลปโป ที่ถูกฝ่ายกบฏใช้เป็นฐานที่มั่นมาตั้งแต่ปี 2012
ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซึ่งกำลังจนมุมได้เรียกร้องให้มีการประกาศ “หยุดยิงเพื่อมนุษยธรรมเป็นเวลา 5 วันทันที” ขณะที่สหรัฐฯ อังกฤษ และฝรั่งเศสก็ออกมาเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติความรุนแรงชั่วคราว ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิด “หายนะด้านมนุษยธรรม” ขึ้นได้
จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ และ เซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย จะพบปะหารืออีกครั้งในวันนี้ (8 ธ.ค.) ที่เมืองฮัมบูร์กของเยอรมนี หลังการพูดคุยเรื่องแนวทางยุติการสู้รบที่อะเลปโปเมื่อวันก่อนยังไม่ได้ข้อยุติ
ลาฟรอฟระบุว่า “ผมเห็นด้วย และยืนยันว่าจะสนับสนุนข้อเสนอของอเมริกาเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.” ซึ่งก็หมายถึงผลการประชุมกับ เคร์รี ที่กรุงโรม ซึ่งเข้าใจว่ามอสโกและวอชิงตันเห็นชอบให้มีการอพยพพลเรือนและกบฏออกมาจากฝั่งตะวันออกของอะเลปโป และเริ่มเจรจาหยุดยิงรอบใหม่
ซอนญา คุช ผู้อำนวยการมูลนิธิ เซฟ เดอะ ชิลเดรน ในซีเรีย ระบุว่า เด็กๆ หลายหมื่นคนในอะเลปโปกำลังตกเป็น “เป้านิ่ง” ของการสู้รบ
“แม้ความทุกข์ทรมานจากสงครามจะยืดเยื้อมานานเกือบ 6 ปี แต่ประชาคมโลกก็ยังพร้อมจะนิ่งดูดาย และมองดูพลเรือนตาดำๆ ถูกทิ้งบอมบ์โดยคนที่ผิดไม่ถูกลงโทษ”
ศูนย์สังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนซีเรียซึ่งมีฐานที่กรุงลอนดอนระบุว่า ปฏิบัติการทิ้งระเบิดที่เมืองอะเลปโปโดยกองทัพซีเรียเมื่อวานนี้ (7) คร่าชีวิตพลเรือนไปอีก 19 ราย
ในบทสัมภาษณ์ซึ่งเผยแพร่ทางหนังสือพิมพ์ อัล-วาตัน ฉบับวันนี้ (8) ผู้นำซีเรียระบุว่า การเอาชนะพวกกบฏในอะเลปโป “จะเป็นชัยชนะสำหรับเรา แต่ต้องยอมรับความจริงว่า มันคงไม่ใช่จุดสิ้นสุดของสงครามในซีเรีย”
“แต่อย่างไรเสีย มันก็เป็นก้าวสำคัญที่จะนำไปสู่การปิดฉากสงคราม”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะมีการหยุดยิงในอะเลปโป อัสซาด ก็ตอบว่า “ในทางปฏิบัติคงเป็นไปไม่ได้แน่นอนอยู่แล้ว”
อัสซาดชี้ว่า ความปราชัยของกบฏในอะเลปโป “จะเป็นจุดเปลี่ยนของสงครามทั่วทั้งซีเรีย” และจะทำให้กลุ่มต่างๆ ที่ต่อต้านรัฐบาล รวมถึงต่างชาติที่สนับสนุนพวกเขา “หมดทางไป”
อะเลปโปนั้นได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจของซีเรีย แต่การสู้รบที่ปะทุขึ้นเมื่อ 4 ปีก่อนได้ทำให้เมืองใหญ่แห่งนี้ถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ฝั่งตะวันออกที่พวกกบฏยึดครอง และฝั่งตะวันตกที่ยังอยู่ในการควบคุมของรัฐบาลซีเรีย
อัสซาด ประกาศจะส่งกองทัพรุกไล่กบฏนอกเหนือไปจากที่เมืองอะเลปโปด้วย “เพราะสงครามซีเรียไม่อาจยุติลงได้ จนกว่าลัทธิก่อการร้ายจะถูกกวาดล้างจนสิ้นซาก”
“พวกก่อการร้ายมีอยู่ทุกที่ ต่อให้เราชนะที่อะเลปโปแล้ว เราก็จะทำสงครามกวาดล้างพวกเขาต่อไป”
ผู้นำซีเรียระบุว่า การเจรจาระหว่างรัฐบาลกับกองกำลังกบฏคือทางออกที่ดีที่สุดในการแก้ไขความขัดแย้งที่ค่อนข้างซับซ้อนในซีเรีย
นักรบกบฏยอมถอนตัวออกจากหลายๆ เมืองรอบกรุงดามัสกัสในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยแลกกับการที่รัฐบาลจะหยุดทิ้งระเบิด
อัสซาดชี้ว่า ข้อตกลงลักษณะนี้ได้ช่วยปกป้องชีวิตพลเรือนและโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เอาไว้ ขณะที่พวกกบฏส่วนหนึ่งก็ผันตัว “กลับมาสู่อ้อมอกของรัฐ เราจะต้องการอะไรมากไปกว่านี้อีก?”
ความขัดแย้งในซีเรียเริ่มปะทุขึ้นเมื่อเดือน มี.ค.ปี 2011 ก่อนจะลุกลามกลายเป็นสงครามกลางเมืองที่มีมหาอำนาจหลายฝ่ายในโลกเข้าไปพัวพัน
รัฐบาลตะวันตกหลายประเทศได้ตัดสัมพันธ์ทางการทูต และใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจกับดามัสกัสในปี 2011 แต่ถึงกระนั้น อัสซาดก็ยืนยันว่าเขาพร้อมที่จะสานไมตรีกับประเทศเหล่านี้
“เราต้องการมีความสัมพันธ์อันดีกับทุกๆ ประเทศในโลก รวมถึงตะวันตกด้วย แม้เราจะรู้ซึ้งถึงความหน้าไหว้หลังหลอกของพวกเขาก็ตาม”