งามไส้!! ฝรั่งสาวแฉผ่านสื่อนอกถูกลักพาตัวจากบาร์ในไทยหวังขยี้กาม เชื่อกลุ่มผู้ลงมือเป็นตำรวจ

ฟ็อกซ์17 - ญาติของสตรีชาวอเมริกันรายหนึ่งออกมาแฉผ่านสื่อนอกในวันอังคาร (6 ธ.ค.) อ้างถูกมอมยาและลักพาตัวขณะกำลังอยู่ในบาร์แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ โดยกลุ่มชายฉกรรจ์ที่บางส่วนสวมชุดเครื่องแบบเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย เคราะห์ดีที่หนีรอดมาได้ และรุดเดินทางกลับประเทศในทันทีโดยไม่ได้เข้าแจ้งความเนื่องจากไม่ไว้ใจตำรวจไทย

ในการให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์ 17 ญาติๆ เล่าว่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อเล็กซานดรา แฟร์ฟิลด์ ขึ้นเครื่องบินเดินทางออกจากประเทศไทยอย่างเร่งด่วน หลังต้องเผชิญเหตุร้ายที่ไม่น่าจดจำในค่ำคืนแรกในกรุงเทพฯ ณ ไนต์คลับแห่งหนึ่ง

พวกญาติๆ เล่าว่า แฟร์ฟิลด์ออกไปเที่ยวบาร์แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ กับโจ เพื่อนของเธอ หลังตะลอนเที่ยวชมเมืองตลอดทั้งวัน แต่พอเขาลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำทิ้งฝ่ายหญิงไว้เพียงลำพัง จู่ๆ แฟร์ฟิลด์ก็รู้สึกมึนงงวูบไป ก่อนมารู้สึกตัวอีกทีคือถูกมัดมือมัดเท้าอยู่ภายในห้องปูนที่ไหนสักแห่ง

“เธอเล่าว่าโจไปเข้าห้องน้ำและเธอรู้สึกหน้ามืดวิงเวียนเล็กน้อย” ญาติๆ อ้างคำบอกเล่าของแฟร์ฟิลด์ “เราไม่รู้ข้อเท็จจริงว่าเธอถูกวางยาหรือไม่ อย่างไรก็ตามระหว่างนั้นมีชาย 4 หรือ 5 คนเดินเข้ามา พวกเขาพาเธอออกไปข้างนอกและโยนเธอขึ้นรถยนต์สีดำติดฟิล์มหนา”

“เธอสามารถจัดการคลายเชือกออกได้” ญาติเล่า อย่างไรก็ตามระหว่างนั้นมีชายคนหนึ่งสวมชุดเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายเข้ามาในห้อง แต่เคราะห์ร้ายที่เขาไม่ได้มาช่วยเธอ “จนกระทั่งมีหนึ่งในกลุ่มผู้ลักพาตัวในชุดเครื่องแบบเดินเข้ามาในห้องและพยายามข่มขืนเธอ มันทำให้เธอรู้ว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นกับตนเอง”

แฟร์ฟิลด์เล่าให้ครอบครัวฟังว่า เธอหลบหนีจากพวกคนร้ายได้ โดยกระโจนเข้าเล่นงานชายที่พยายามข่มขืนเธอ ใช้รองเท้าส้นสูงฟาดหน้าเขา 3 ครั้ง ก่อนกระโดดออกจากระเบียงชั้น 2 และหลบซ่อนในพุ่มไม้นานกว่า 6 ชั่วโมง จนกระทั่งสามารถเรียกแท็กซี่ให้พาเธอกลับไปยังโรงแรม จากนั้นก็ส่งภาพอาการบาดเจ็บของเธอให้ครอบครัวดู

หลังจากได้ฟังคำบอกเล่าจากแฟร์ฟิลด์ ทางครอบครัวก็ได้ติดต่อไปยังสื่อมวลชนหลายสำนักและพวก ส.ส. เพื่อพาแฟร์ฟิลด์ขึ้นเครื่องบินออกจากประเทศไทยอย่างเร่งด่วน

แม่ของแฟร์ฟิลด์ระบุว่าลูกสาวตัดสินใจบินกลับประเทศทันทีโดยไม่เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่เพราะเธอไม่ไว้ใจตำรวจที่นั่น “คุณไม่สามารถไว้ใจเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นได้ เพราะคุณไม่รู้เกี่ยวกับกฎหมายของพวกเขาหรือสิ่งที่พวกเขาจะทำ” และด้วยที่เธอไม่ได้แจ้งความต่อตำรวจ ทางสถานทูตสหรัฐฯ ก็ไม่สามารถเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้