เอเจนซีส์ - บรรดาค่ายรถชั้นนำในเยอรมนีพากันเห็นพ้องที่จะร่วมกันลงทุนสร้างจุดชาร์จไฟด่วนหลายพันแห่งทั่วยุโรป เพื่อส่งเสริมให้คนหมู่มากยอมรับทางเลือกใหม่อย่างรถยนต์ไฟฟ้า
หลังโดนกระตุ้นจากความสำเร็จของค่ายรถคู่แข่งในอเมริกาอย่าง “เทสลา” ที่มียอดสั่งจองล่วงหน้าอย่างมากมายสำหรับรุ่น Model 3 ทำให้ค่ายรถเมืองเบียร์อย่าง “โฟล์กสวาเกน” รวมถึง “เมอร์เซเดส” ของเดมเลอร์ ต้องหันมาเร่งเดินหน้าโครงการรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของตัวเองบ้าง
แต่ทว่าการขาดแคลนจุดชาร์จไฟ รวมถึงราคาขายของรถยนต์ไฟฟ้าที่ยังคงสูงกว่าเมื่อเทียบกับรถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป ล้วนเป็นสิ่งที่ยับยั้งกระแสความต้องการรถไฟฟ้าในตลาดคนหมู่มาก
คำแถลงร่วมของค่ายรถ 6 ราย ที่ถูกเผยแพร่ในวันอังคาร ระบุว่า เพื่อพลิกสถานการณ์นี้ โฟล์กสวาเกน, ออดี, ปอร์เช, บีเอ็มดับเบิลยู, เดมเลอร์ รวมถึงฟอร์ดสาขายุโรป กำลังวางแผนจะร่วมกันลงทุนสร้างสถานที่ชาร์จไฟจำนวนมาก โดยจะเริ่มลงมือในปีหน้า
สำหรับก้าวแรกนั้น บริษัทผู้ผลิตรถยนต์เหล่านี้ต้องการจะสร้างสถานที่ชาร์จไฟ 400 แห่ง จากนั้นภายในปี 2020 พวกเขาจะทำให้แน่ใจว่าจะมีจุดชาร์จไฟหลายพันแห่งให้ลูกค้าได้ใช้บริการ ทั้งยังระบุด้วยว่า มีการทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกันแล้ว
เครือข่ายจุดชาร์จไฟดังกล่าวจะใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า “คอมไบน์ ชาร์จจิง ซิสเต็ม” (CCS) ซึ่งเป็นการยกระดับการชาร์จไฟมาตรฐาน AC, DC ทำให้สามารถชาร์จไฟด่วนได้มากถึง 350 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง
“ความพร้อมในการใช้งานของสถานที่ชาร์จไฟระดับสูงเหล่านี้ จะทำให้รถไฟฟ้ามีสมรรถภาพในการเดินทางระยะไกลได้เป็นครั้งแรก ทั้งยังจะช่วยโน้มน้าวลูกค้าให้หันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น” ดีเตอร์ เซตส์เชอ ซีอีโอของเดมเลอร์ กล่าว
บรรดาผู้บริหารทั่วทั้งอุตสาหกรรมรถยนต์ ต่างพากันทำนายว่า รถยนต์ไฟฟ้าจะได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น จากความก้าวหน้าในการผลิตแบตเตอรีที่มีราคาถูกลง แต่ให้พลังงานมากขึ้น แถมเรื่องโกงวัดค่ามลพิษอื้อฉาวของโฟล์กสวาเกน ยังทำให้บรรดาหน่วยงานกำกับดูแลหันมาเอาจริงกับรถเครื่องยนต์ดีเซลมากขึ้น
ค่ายรถทั้ง 6 ระบุว่า พวกเขาจะเป็นหุ้นส่วนในระดับที่เท่ากันสำหรับช่วงเริ่มต้น ทั้งยังจะชวนบริษัทอื่นให้มาเข้าร่วมโครงการนี้ ขณะที่การร่วมทุนนั้นจะมีการร่วมมือกับหุ้นส่วนระดับภูมิภาคด้วย
