เอเอฟพี - ตำรวจฟิลิปปินส์ส่งหน่วยอีโอดีเข้าเก็บกู้ระเบิดซึ่งถูกซุกอยู่ในถังขยะใกล้ๆ สถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงมะนิลาวันนี้ (28 พ.ย.) โดยเชื่อว่าเป็นความพยายามของกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ในภาคใต้ที่ต้องการสร้างสถานการณ์
ระเบิดแสวงเครื่องซึ่งถูกประกอบขึ้นโดยใช้โทรศัพท์มือถือ, เชื้อปะทุระเบิด (blasting cap),แบตเตอรีกำลังไฟ 9 โวลต์ และลูกระเบิดขนาด 81 มิลลิเมตร ถูกนำไปซ่อนในถังขยะซึ่งอยู่ห่างจากสถานทูตอเมริกันประมาณ 200 เมตร โดยคนกวาดขยะเป็นผู้ไปพบเข้า
โรนัลด์ เดลา โรซา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติฟิลิปปินส์ แถลงว่า นักรบอิสลามิสต์ในภาคใต้ซึ่งประกาศสวามิภักดิ์ต่อกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) อาจจะอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
“นี่คือความพยายามก่อการร้าย” เดลา โรซา แถลงต่อสื่อมวลชน
“เนื่องจากทหารและตำรวจได้ลงพื้นที่กวาดล้างกลุ่มติดอาวุธที่นั่น ซึ่งทำให้สมาชิกของพวกเขาล้มตายไปมาก จึงเป็นไปได้ว่าพวกเขาต้องการสร้างสถานการณ์เบี่ยงเบนความสนใจ และทำให้การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจและทหารย่อหย่อนลง”
วันพฤหัสบดีที่แล้ว (24) กองทัพฟิลิปปินส์ได้เริ่มปฏิบัติการกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธเมาเต (Maute) ซึ่งเคยก่อเหตุลอบวางระเบิดในเมืองดาเวา บ้านเกิดของประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต จนมีผู้เสียชีวิตไปถึง 15 รายเมื่อเดือน ก.ย.
นักรบกลุ่มนี้ได้เข้าไปซ่อนตัวอยู่ในสำนักงานของรัฐซึ่งถูกทิ้งร้างที่เมืองบูติก (Butig) บนเกาะมินดาเนา และทหารกำลังระดมยิงเข้าใส่อาคารเพื่อกดดันให้พวกเขาหนีออกมา
เดลา โรซา เชื่อว่าระเบิดที่ถูกนำไปวางใกล้สถานทูตสหรัฐฯ วันนี้ (28) น่าจะเป็นฝีมือกลุ่มเมาเต หรือ “อันซอร์ คอลีฟา ฟิลิปปินส์” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลุ่มติดอาวุธในภาคใต้ที่ประกาศภักดีต่อไอเอส
ตำรวจเผยรายละเอียดเพิ่มเติมว่า มีบุคคลต้องสงสัยนั่งรถแท็กซี่เข้ามาจอด และโยนถุงระเบิดลงไปในถังขยะ จนกระทั่งคนกวาดขยะมาพบ และได้แจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้ามาตรวจสอบ
ระเบิดลูกนี้มีรัศมีทำลายล้างประมาณ 100 เมตร และถูกประกอบขึ้นในลักษณะคล้ายๆ กับระเบิดที่พวกเมาเตใช้โจมตีเมืองดาเวา
“ตราบใดที่ยังไม่พบหลักฐานชัดเจน เราก็สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นฝีมือของกลุ่มเมาเต โดยดูจากสิ่งที่เคยเกิดขึ้นที่เมืองดาเวา” ผู้บัญชาการตำรวจฟิลิปปินส์ กล่าว
เหตุวินาศกรรมที่เมืองดาเวาทำให้ ดูเตอร์เต ตัดสินใจประกาศ “ภาวะฉุกเฉิน” ทั่วฟิลิปปินส์ และบังคับใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดยิ่งกว่าเก่า
หมู่เกาะตอนใต้ของฟิลิปปินส์เป็นแหล่งกบดานของพวกอิสลามิสต์หัวรุนแรงหลายกลุ่ม และเหตุความไม่สงบฝีมือกลุ่มแบ่งแยกดินแดนมุสลิมที่ดำเนินมาถึง 40 ปีก็ได้คร่าชีวิตพลเมืองไปกว่า 100,000 คน