เอเจนซีส์ - พรรคฝ่ายค้านหลักของเกาหลีใต้ ลงมติในวันจันทร์ (21 พ.ย.) เดินหน้าเรื่องถอดถอนประธานาธิบดี พัค กึน-ฮเย หลังอัยการระบุเธอต้องสงสัยมีส่วนรู้เห็นคดีเพื่อนสนิทของเธอ “ตบทรัพย์” กลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ อันเป็นกรณีทุจริตคอร์รัปชันอื้อฉาว ซึ่งฉุดเรตติ้งของเธอดิ่งต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ กระนั้น ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า บรรดาปรปักษ์ของพัคจะเริ่มต้นกระบวนการถอดถอนที่คาดกันว่าจะลำบากยากเย็น ยาวนาน แถมรับประกันไม่ได้ว่า ผลลัพธ์จะออกมาอย่างไรกันเมื่อใด ขณะเดียวกัน ทนายความของพัคก็กลับลำ ระบุ ประธานาธิบดีจะไม่ไปให้ปากคำกับอัยการตามที่เคยรับปากไว้ แต่จะรอตอบคำถามจากทีมสอบสวนพิเศษเท่านั้น
ในวันจันทร์ (21) บรรดาสมาชิกรัฐสภาสังกัดพรรคเดโมเครติก ปาร์ตี ลงมติด้วยเสียงเอกฉันท์ ว่า จะร่วมกับกลุ่มต่างๆ รวมถึงพรรคฝ่ายค้านอื่นๆ และกระทั่งสมาชิกรัฐสภาพรรครัฐบาล ที่ต้องการดำเนินการถอดถอนพัค รวมทั้งจะตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบปัญหาทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
คี ดองมิน โฆษกพรรคเดโมเครติก ปาร์ตี เสริมว่า พรรคจะเริ่มต้นกระบวนการนี้อย่างเป็นทางการเมื่อเล็งเห็น “ความเป็นไปได้มากที่สุด” ที่รัฐสภาจะเห็นชอบ
ก่อนหน้านี้ พรรคฝ่ายค้านขนาดเล็กสองพรรค ประกาศว่า จะหาทางปลดพัคเช่นเดียวกัน เช่น พรรคพีเพิลส์ ปาร์ตี ที่เตรียมล่ารายชื่อสมาชิกรัฐสภาเพื่อยื่นญัตติถอดถอน แม้แต่สมาชิกบางคนของพรรคแนวทางอนุรักษนิยมของประธานาธิบดียังเห็นด้วยกับความเคลื่อนไหวเช่นนี้
แต่ปัญหาก็คือ ยังไม่มีความชัดเจนว่า คนเหล่านี้จะสนับสนุนความเคลื่อนไหวนี้จริงจังเพียงใด ส่วนหนึ่งเนื่องจากกลัวผลสะท้อนกลับทางการเมืองหากการถอดถอนล้มเหลว
ดังเช่นในปี 2004 ที่มีความพยายามถอดถอนโนห์มูเฮียน ประธานาธิบดีในขณะนั้น แต่ล้มเหลวและสองพรรคที่เป็นตัวตั้งตัวตีแพ้ราบคาบในการเลือกตั้งปีเดียวกัน
สำหรับครั้งนี้ คิม ฮองกุ๊ก นักวิจารณ์การเมือง ชี้ว่า แม้พรรคฝ่ายค้านคล้ายถูกบังคับจากกระแสต่อต้านพัคที่เชี่ยวกรากอย่างมาก โดยมีประชาชนนับแสนชุมนุมเรียกร้องให้ประธานาธิบดีหญิงผู้นี้ลาออกทุกๆ สุดสัปดาห์ต่อเนื่องมาเกือบเดือน ทว่า ไม่มีสัญญาณใดๆ ว่า เจ้าตัวจะสมัครใจลงจากตำแหน่ง ขณะเดียวกัน ฝ่ายค้านก็กังวลอันตรายทางการเมืองจึงลังเลที่จะเดินหน้าการถอดถอน
พัคนั้นเหลือเวลาในตำแหน่งอีกเพียงปีเศษๆ ขณะที่กระบวนการถอดถอนต้องใช้เวลานานหลายเดือน เริ่มจากการรวบรวมเสียงกึ่งหนึ่งของรัฐสภาเพื่อยื่นญัตติ และในการลงมติก็จะต้องได้รับความเห็นชอบจากสมาชิก 2 ใน 3 จากนั้นแล้วยังต้องส่งต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินอีก ซึ่งต้องใช้เสียง 2 ใน 3 ของคณะผู้พิพากษาศาลรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกัน
เวลานี้ พรรคฝ่ายค้าน 3 พรรค มีที่นั่งในรัฐสภารวมกันเพียง 55% ไม่ถึง 2 ใน 3 ที่จำเป็นสำหรับการลงมติถอดถอน จึงจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกพรรคอนุรักษนิยมของพัคด้วย
ทว่า บรรดาสมาชิกรัฐสภาต่างกังวลว่า แม้ผิดหวังกับพัค แต่ผู้มีสิทธิออกเสียงที่สนับสนุนแนวทางอนุรักษนิยมอาจมองว่า การถอดถอนเป็นการลงโทษที่ไม่มีหลักประกันและรุนแรงเกินไป
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันอาทิตย์ (20) อัยการเกาหลีใต้ ระบุว่า พัคสมรู้ร่วมคิดกับ ชอย ซุนซิล เพื่อนหญิงคนสนิทของเธอ ที่ถูกกล่าวหาว่า บีบบังคับกลุ่มกิจการขนาดใหญ่ให้บริจาคเงินกว่า 60 ล้านดอลลาร์ เข้ามูลนิธิการกุศล 2 แห่ง รวมทั้งแทรกแซงกิจการรัฐ เรื่องนี้ส่งผลให้พัคกลายเป็นประธานาธิบดีเกาหลีใต้คนแรกที่เป็นผู้ต้องสงสัยในคดีอาญาขณะดำรงตำแหน่ง
ชอย และอดีตผู้ช่วยคนหนึ่งของพัคถูกอัยการตั้งข้อหาใช้อำนาจโดยมิชอบและขู่บังคับ ขณะที่ผู้ช่วยอีกคนของเธอถูกตั้งข้อหาแพร่งพรายข้อมูลลับของทางการ
ก่อนหน้านี้ พัค บอกว่า จะยอมไปให้ปากคำเกี่ยวกับคดีนี้กับอัยการ แต่เมื่อวันอาทิตย์ (20) ทนายความของเธอกลับบอกว่า ประธานาธิบดีจะตอบคำถามทีมสอบสวนพิเศษที่จะเข้ามารับผิดชอบคดีนี้เร็วๆ นี้เท่านั้น
ภายใต้รัฐธรรมนูญเกาหลีใต้ ประธานาธิบดีได้รับการคุ้มครองไม่ให้ถูกฟ้องร้องดำเนินคดี ยกเว้นความผิดฐานกบฏ แต่เมื่อเธอหมดวาระแลว พัคยังอาจถูกสอบสวนและตั้งข้อหาได้
กรณีอื้อฉาวนี้ฉุดคะแนนนิยมในตัวพัคร่วงลงอยู่ที่ 5% ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในบรรดาประธานาธิบดีทุกคนที่ผ่านมาของเกาหลีใต้