เอเอฟพี - อดีตนายกรัฐมนตรี ฟรองซัวส์ ฟีญง ของฝรั่งเศสมีคะแนนนำมาเป็นอันดับ 1 ในศึกเลือกตั้งขั้นต้นรอบแรกเมื่อวานนี้ (20 พ.ย.) เพื่อคัดเลือกผู้แทนพรรครีพับลิกันฝ่ายขวาลงชิงเก้าอี้ผู้นำฝรั่งเศสในปีหน้า ขณะที่อดีตประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี ซึ่งได้คะแนนมาเป็นลำดับที่ 3 ประกาศยอมรับความพ่ายแพ้ และขอถอนตัวจากการเมือง
ฝันของซาร์โกซี ที่จะกลับมาทวงเก้าอี้ประธานาธิบดีเมืองน้ำหอมต้องดับวูบลง หลังพ่ายแพ้ให้แก่ ฟีญง ซึ่งเคยเป็นนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลของเขาเอง ขณะที่ อแลง จุปเป ซึ่งเป็นอดีตนายกฯ เช่นเดียวกับ ฟียง ได้คะแนนมาเป็นที่ 2
ชัยชนะที่เหนือความคาดหมายทำให้ ฟีญง กลายเป็นเต็งหนึ่งที่จะต้องแข่งขันอีกครั้งกับ จุปเป ในศึกไพรมารีของพรรครอบที่สอง ซึ่งจะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 27 พ.ย.
ท่ามกลางความระส่ำระสายภายในพรรคโซเชียลลิสต์ฝ่ายซ้าย จึงเป็นที่คาดหมายว่าศึกชิงประธานาธิบดีฝรั่งเศสซึ่งจะรู้ผลในช่วงเดือน พ.ค.ปีหน้าน่าจะเป็นการชิงดำกันระหว่าง ฟีญง กับ มารีน เลอแปน จากพรรคขวาจัดเนชันแนลฟรอนท์
ฟีญง ซึ่งเป็นนักการเมืองสายอนุรักษนิยมที่สนับสนุนภาคธุรกิจ ครองสถานะเต็งหนึ่งด้วยคะแนน 44% ในขณะที่ จุปเป ซึ่งเคยเป็นทั้งนายกฯ และรัฐมนตรีต่างประเทศตามมาเป็นที่สองด้วยคะแนน 28% ส่วนอดีตประธานาธิบดีซาร์โกซีนั้นได้คะแนนเพียง 21% จากผลการนับคะแนนซึ่งใกล้จะเสร็จสมบูรณ์
ซาร์โกซี วัย 61 ปี ได้แสดงน้ำใจนักกีฬาโดยการประกาศรับรอง ฟีญง ทันที และขอถอนตัวออกจากแวดวงการเมือง
“ผมต่อสู้ด้วยความเชื่อและความชอบ แต่ผมไม่สามารถทำให้ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงทั้งหลายเชื่อได้” เขากล่าวกับผู้สนับสนุน
“ผมให้ความเชื่อถือในตัว อแลง จุปเป อย่างมาก แต่ต้องยอมรับว่า แนวทางการเมืองของ ฟรองซัวส์ ฟีญง ใกล้เคียงกับตัวผมมากกว่า”
ผลสำรวจก่อนหน้านี้พบว่า ฟีญง วัย 62 ปี มีคะแนนตามหลังทั้ง ซาร์โกซี และ จุปเป ตลอด 2 เดือนของการหาเสียง และเพิ่งจะตีตื้นขึ้นมาได้ในช่วงไม่กี่วันสุดท้าย จึงดูเหมือนว่าชาวฝรั่งเศสจะรู้สึกพอใจกับท่าทีสงบเสงี่ยมของ ฟีญง มากกว่าบุคลิกดุดันของ ซาร์โกซี ซึ่งยังมีทั้งคนรักและคนเกลียด หลังจากที่รัฐบาลของเขาถูกโค่นโดยฟรองซัวส์ ออลลองด์ จากพรรคโซเชียลลิสต์เมื่อ 4 ปีก่อน
จุปเป วัย 71 ปี เคยมีคะแนนนิยมสูงสุดในโพลต่างๆ ก่อนที่ ฟีญง จะพลิกกลับมาเป็นฝ่ายนำด้วยการทำผลงานดีเบตผ่านสื่อโทรทัศน์ได้ดีทั้ง 3 ครั้ง
ฟีญง กล่าวกับผู้สนับสนุนว่า แคมเปญของเขาเป็น “ความหวัง” หนึ่ง และเขาก็ให้ความเคารพนับถือ ซาร์โกซี มากเป็นพิเศษ หลังจากที่เคยปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีในรัฐบาลซาร์โกซีระหว่างปี 2007-2012
ทั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกตว่า ความพ่ายแพ้ของ ซาร์โกซี อาจจะเกิดจากฐานเสียงฝ่ายซ้ายที่แฝงตัวเข้ามาทำการโหวตด้วย เนื่องจากใครก็ตามที่จ่ายเงิน 2 ยูโร และลงนามในเอกสารยืนยันว่ามีความเชื่อถือใน “ค่านิยมของฝ่ายกลางและขวา” ก็สามารถลงคะแนนได้
เชื่อกันว่ากลุ่มสนับสนุนพรรคโซเชียลลิสต์ทำเช่นนี้เพื่อขัดขวางไม่ให้ ซาร์โกซี กลับมาครองอำนาจได้อีก
ผลการนับคะแนนเบื้องต้นพบว่า มีจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิล้นหลามถึงราวๆ 4 ล้านคน
อีริค ครูพละวัย 50 ปีเศษที่ยอมรับว่าตนเองหนุนพรรคโซเชียลลิสต์ บอกกับเอเอฟพีว่า เขาเข้ามาร่วมโหวตเลือกผู้แทนพรรครีพับลิกัน “เพราะไม่ชอบซาร์โกซี”
“ผมทนกับนายคนนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว เขาคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่เหลือเกิน แถมทำตัวฉาวโฉ่สารพัด ส่วน จุปเป ถึงจะมีข้อเสียอยู่บ้าง แต่ก็ยังตรงกันข้ามกับเขา” อีริค ซึ่งออกมาใช้สิทธิ์ที่ย่านปองแตงในกรุงปารีส กล่าว
นโยบายหาเสียงของ จุปเป และ ฟีญง คล้ายคลึงกันเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะคำมั่นสัญญาที่ว่าจะเพิ่มมาตรการปกป้องฝรั่งเศสจากภัยคุกคามก่อการร้าย หลังจากที่เมืองน้ำหอมต้องเผชิญเหตุโจมตีอย่างต่อเนื่องในช่วง 1 ปีเศษๆ จนมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 230 คน
ผู้สมัครทั้ง 2 รายยังชูนโยบายป้องกันพรมแดนยุโรป สกัดกั้นผู้อพยพ และลดภาษี
ฟีญง ให้สัญญาว่าจะปลดพนักงานของรัฐราว 600,000 ตำแหน่งเพื่อปฏิรูประบบราชการของฝรั่งเศสที่ใหญ่โตอุ้ยอ้ายเกินไป
