เอเจนซีส์ / MGR online - หน่วยยามฝั่งบังกลาเทศผลักดันผู้อพยพชาวมุสลิมโรฮีนจาจำนวน 125 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็กกลับประเทศ หลังจากชาวโรฮีนจากลุ่มนี้พยายามเดินทางเข้าประเทศเพื่อหลบหนีความรุนแรงและการกดขี่ในเมียนมาที่เป็นดินแดนมาตุภูมิ
รายงานข่าวในวันเสาร์ (19) ซึ่งอ้าง นาฟิอูร์ เราะห์มาน หนึ่งในเจ้าหน้าที่ยามฝั่งบังกลาเทศ ระบุว่า เมื่อวันศุกร์ (18) หน่วยยามฝั่งบังกลาเทศตรวจพบ และทำการผลักดันผู้อพยพชาวโรฮีนจาจำนวนดังกล่าวที่โดยสารมากับเรือที่ต่อขึ้นจากไม้จำนวน 7 ลำ โดยทั้งหมดกำลังมุ่งหน้าเดินทางเข้าสู่บังกลาเทศบริเวณแม่น้ำนาฟ ซึ่งเป็นเส้นแบ่งเขตแดนตามธรรมชาติระหว่างบังกลาเทศ กับเมียนมา
รายงานข่าวระบุว่า ในจำนวนผู้อพยพชาวโรฮีนจาทั้ง 125 ราย ที่ถูกผลักดันกลับไปยังฝั่งเมียนมาในครั้งนี้ มีผู้หญิงรวมอยู่ด้วย 61 ราย และเด็กอีก 36 ราย ซึ่งทั้งหมดเป็นพลเมืองของเมียนมา แต่ต้องการหลบหนีความรุนแรง และการกดขี่ที่เกิดขึ้นในบ้านเกิดที่รัฐยะไข่ ที่ถูกรัฐบาลเมียนมาปิดล้อมมาตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุโจมตีที่ทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเมียนมาเสียชีวิตไป 9 นาย ซึ่งทางการเมียนมา เชื่อว่า ชาวโรฮีนจามุสลิมอยู่เบื้องหลังการโจมตีนี้
หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวในฝั่งเมียนมา ทางการบังกลาเทศได้สั่งเพิ่มมาตรการเสริมสร้างความมั่นคงตามแนวชายแดนที่ติดต่อกับเมียนมา และมีการระดมกำลังทหารหลายร้อยนายลาดตระเวนในพื้นที่ เพื่อคอยผลักดันคลื่นผู้อพยพชาวโรฮีนจากลับไปยังฝั่งเมียนมา
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา องค์กร Arakan Rohingya National Organization ที่มีฐานอยู่ในกรุงลอนดอนของสหราชอาณาจักร ออกมาเปิดเผยว่า มีชาวมุสลิมโรฮีนจาอย่างน้อย 150 คน ถูกสังหารนับตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจิกายน เป็นต้นมา
ที่ผ่านมา รัฐบาลเมียนมาปฏิเสธสถานะของการเป็นพลเมืองโดยสมบูรณ์แก่ประชากรมุสลิมโรฮีนจาจำนวนกว่า 1.1 ล้านคน ในประเทศของตน โดยระบุ พวกเขาเป็นแรงงานผิดกฎหมายที่ลักลอบเดินทางเข้ามาจากบังกลาเทศ ขณะที่ทางการบังกลาเทศได้ยืนยันกับประชาคมโลกมาโดยตลอดว่า ชาวโรฮีนจาเป็นพลเมืองของพม่า มิใช่คนของตน