เอเอฟพี - นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ แห่งญี่ปุ่น กล่าวแสดงความเชื่อมั่นในตัวว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ (17 พ.ย.) หลังจากเป็นผู้นำต่างชาติรายแรกที่เดินทางไปพบ โดนัลด์ ทรัมป์ ถึงนครนิวยอร์ก ขณะที่ ทรัมป์ เองก็กำลังเลือกเฟ้นบุคคลเพื่อมาดำรงตำแหน่งในรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่
การพบปะราว 90 นาทีที่อาคารทรัมป์ ทาวเวอร์ นับเป็นโอกาสที่ผู้นำญี่ปุ่นจะได้หยั่งท่าทีของ ทรัมป์ ซึ่งชูนโยบายหาเสียงที่สร้างความหวั่นวิตกต่อชาติพันธมิตรของสหรัฐฯ
“จากการพูดคุยกันในวันนี้ ผมเชื่อว่าคุณทรัมป์เป็นผู้นำที่ตัวผมเองสามารถให้ความเชื่อมั่นได้อย่างเต็มที่” อาเบะกล่าวกับสื่อมวลชน พร้อมระบุว่าบรรยากาศการสนทนากับมหาเศรษฐีอสังหาริมทรัพย์วัย 70 ปี เป็นไปอย่าง “อบอุ่นยิ่ง”
อย่างไรก็ตาม อาเบะซึ่งเป็นผู้นำสายชาตินิยมที่ต้องรับบทหนักในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของญี่ปุ่น และต้านทานอิทธิพลของจีนไปพร้อมๆ กัน ยังปฏิเสธที่จะเผยรายละเอียดของการพูดคุยครั้งนี้
ญี่ปุ่นเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับสหรัฐฯ มากที่สุดชาติหนึ่ง แต่การก้าวสู่อำนาจของ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้สร้างความหวั่นไหวต่อผู้กำหนดนโยบายในโตเกียว เนื่องจาก ทรัมป์ ขู่จะถอนทหารอเมริกันหลายหมื่นนายออกจากภูมิภาค และยังเสนอให้ญี่ปุ่นซึ่งประกาศตัวเป็นชาติที่ใฝ่สันติผันตัวมาเป็น “มหาอำนาจนิวเคลียร์” เพื่อป้องกันตนเอง
ทรัมป์ ยังให้สัญญาระหว่างหาเสียงว่าจะยกเลิกความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Trans-Pacific Partnership - TPP) ซึ่งเป็นแผนงานของประธานาธิบดี บารัค โอบามา ที่มุ่งสร้างเขตการค้าเสรีขนาดใหญ่ขึ้นในภูมิภาค และเป็นสิ่งที่รัฐบาลอาเบะให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ
นับตั้งแต่ชนะศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีอย่างเหนือความคาดหมายเมื่อวันที่ 8 พ.ย. สำนักงานใหญ่ของ ทรัมป์ ในย่านแมนฮัตตันก็มีบรรดาแกนนำพรรครีพับลิกันหลายคนแวะมาเยี่ยมเยือนไม่ขาดสาย ซึ่ง ทรัมป์ เองก็ดูเหมือนจะพิจารณาทั้งผู้สนับสนุนและอดีตศัตรูเพื่อมารับตำแหน่งสำคัญๆ ในคณะรัฐมนตรี
สื่ออเมริกันหลายสำนักรายงานเมื่อวานนี้ (17) ว่า ทรัมป์ ได้เสนอตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ (national security adviser) ให้แก่ พล.ท.ไมเคิล ฟลินน์ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลาโหม และเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ของ ทรัมป์ ในช่วงหาเสียง
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นและเอ็นบีซีรายงานด้วยว่า ทรัมป์ จะใช้เวลาช่วงสุดสัปดาห์นี้พบปะกับ มิตต์ รอมนีย์ อดีตผู้ว่าการรัฐแมสซาชูเซตส์ ซึ่งเคยเป็นคู่แข่งของประธานาธิบดี โอบามา ในศึกชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปี 2012 โดยคาดกันว่า ทรัมป์ อาจทาบทามให้ รอมนีย์ มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ