เอพี/รอยเตอร์ - เมื่อวานนี้ (10 พ.ย.) กองกำลังติดอาวุธตอลิบานพร้อมรถที่มีระเบิดบรรทุกอยู่พุ่งเข้าชนกงสุลเยอรมันตั้งอยู่ในเมืองมาซาร์-อี-ชารีฟ (Mazar-i-Sharif) ทางตอนเหนือของอัฟกานิสถาน พบกำแพงชั้นนอกของตัวกงศุลได้รับความเสียหาย เอพีรายงานล่าสุด รายงานมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 115 ราย อ้างเป็นการก่อเหตุเพื่อตอบโต้การโจมตีทางอากาศของกองกำลังนาโต แรงระเบิดทำลายกระจกหน้าต่างและบ้านเรือนร้านค้าที่ใกล้เคียงให้ได้รับความเสียหาย ด้านกระทรวงต่างประเทศเยอรมันออกแถลงการณ์ยืนยันการโจมตี พร้อมชี้มีการต่อสู้บริเวณด้านนอกและภายในขอบเขตของสถานกงสุล พบกองกำลังอัฟกันและกองกำลังนานาชาติถูกส่งเข้าไปช่วย
เอพีรายงานล่าสุดวันนี้ (11 พ.ย.) ว่า ยอดเสียชีวิตจากเหตุโจมตีกงสุลเยอรมนีในอัฟกานิสถานเพิ่มเป็น 4 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 115 คน โดย 2 คนจากจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดเป็นพลเรือน ส่วนอีก 2 รายยังไม่สามารถระบุได้ ซึ่งได้ถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลบาล์คห์ (Balkh) นายแพทย์ นอร์ โมฮัมเหม็ด ฟาอิซ (Dr. Noor Mohammad Faiz) ให้ข้อมูล
และฟาอิซยังให้ข้อมูลต่อว่า “แรงระเบิดดังไปทั่ว และสร้างความสั่นสะเทือนไปทั่ว ทำให้หน้าต่างแตกกระจาย และผู้คนที่อาศัยอยู่ภายในบ้านต่างได้รับบาดเจ็บ”
นอกจากนี้ หัวหน้าความมั่นคง บาล์คห์ อับดุล ราซิก ควาเดรี (Abdul Raziq Qaderi) ได้กล่าวต่อว่า “รถได้ระเบิดขึ้นบริเวณประตูหน้าของกงสุลเยอรมันในเมืองมาซาร์-อี-ชารีฟ (Mazar-i-Sharif) ทางตอนเหนือของอัฟกานิสถาน แรงระเบิดได้ทำลายประตูและกำแพงในเวลา 23.10 น.ของวันพฤหัสบดี (10) และได้เปิดเผยต่อว่า “ตำรวจได้ล้อมบริเวณที่เกิดเหตุ และกองกำลังได้เข้าไปด้านในตัวกงสุลเยอรมนี” ควาเดรีกล่าวต่อว่า ซึ่งเมืองมาซาร์-อี-ชารีฟถือเป็นเมืองเอกของจังหวัดบาลคห์ และยังเป็นเมืองสำคัญที่สุดของอัฟกานิสถาน
และมีรายงานว่า กลุ่มก่อการร้ายตอลิบานได้ออกแถลงการณ์ อ้างความรับผิดชอบโดยกล่าวว่าได้ส่งมือระเบิดฆ่าตัวตายเพื่อไปโจมตีกงสุลเยอรมนี โดยซาบิฮูลลาห์ มูจาฮิด (Zabihullah Mujahid) โฆษกของกลุ่มตอลิบานได้ชี้ว่า การโจมตีที่เกิดขึ้นเพื่อแก้แค้นในเหตุการณ์โจมตีทางอากาศซึ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ในเมืองคุนดุซ
ด้านโฆษกผู้ว่าราชการจังหวัดบาล์คห์ มูเนอร์ อาห์เหม็ด ฟาร์ฮัด ( Munir Ahmad Farhad) ได้ออกแถลงการณ์ถึงเหตุการณ์โจมตีครั้งนี้ว่า มีบ้านเรือนประชาชนชาวอัฟกันและร้านค้าจำนวนมากได้รับความเสียหายและถูกทำลาย และยืนยันว่า “ในเวลานี้ทางจังหวัดสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว แต่ประชาชนยังตกอยู่ในอาการหวาดกลัวจากเหตุโจมตีในคืนที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้หญิงและเด็กจำนวนมากรวมอยู่ในเหยื่อผู้ได้รับบาดเจ็บ”
ด้านกระทรวงต่างประเทศเยอรมันออกแถลงการณ์ระบุว่า “เป็นการโจมตีจากกองกำลังติดอาวุธ” แต่ไม่เปิดเผยถึงรูปแบบของการโจมตี หรือความเสียหายที่เกิดขึ้น และในแถลงการณ์ยังยืนยันว่า มีการต่อสู้บริเวณด้านนอก และภายในบริเวณเขตกงสุลเยอรมัน ซึ่งกองกำลังความมั่นคงอัฟกันและกองกำลังนานาชาติในปฎิบัติการ Resolute Support อยู่ในที่เกิดเหตุ
รอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้ (10 พ.ย.) ว่า เหตุโจมตีของกลุ่มกองกำลังติดอาวุธด้วยคาร์บอมบ์ในเมืองทางตอนเหนือของอัฟกาทิสถาน มาซาร์-อี-ชารีฟ (Mazar-i-Sharif) ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 รายและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก
การโจมตีด้วยระเบิดต่อสถานกงสุลเยอรมนีในอัฟกานิสถานครั้งนี้ กลุ่มก่อการร้ายตอลิบานอ้างประกาศความรับผิดชอบ โดยกล่าวอ้างว่าเป็นการตอบโต้การโจมตีทางอากาศของกองกำลังนาโตในสัปดาห์ที่ผ่านมาใกล้เมืองคุนดุซ สื่อเยอรมนี ดอยช์ เวล (Deutsche Welle) รายงาน
ทั้งนี้ ในการโจมตีในวันพฤหัสบดี (10 พ.ย.) ตามข้อมูลของแพทย์ในที่เกิดเหตุจากการรายงานของนักข่าวอัฟกัน ไบลัล ซาร์วารี(Bilal Sarwary)ทางทวิตเตอร์ในวันพฤหัสบดี (10) ชี้ว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีถึง 60 คนและมีผู้เสียชีวิต 2 คน และตลาดขายพรมที่อยู่บริเวณใกล้เคียงถูกจุดไฟเผา
ในเบื้องต้นยังไม่มีรายงานว่ามีเจ้าหน้าที่ในสถานกงสุลเยอรมันได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตหรือไม่
รอยเตอร์รายงาก่อนหน้านี้ว่า สถานกงสุลเยอรมันแห่งนี้อยู่ภายในตึกขนาดใหญ่ใกล้กับมัสยิดสีน้ำเงิน ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองมาซาร์-อี-ชารีฟ และอีกทั้งสถานกงสุลแห่งนี้ถูกแวดล้อมไปด้วยกำแพงสูง และการรักษาความปลอดภัยแน่นหนา ซึ่งในเมืองแห่งนี้มีกองกำลังนาโตขนาดใหญ่ตั้งอยู่ โดยเยอรมนีซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกนาโต มีทหารประจำการในตอนเหนือของอัฟกานิสถานจำนวน 1,000 นายที่ฐานที่ทัพ พร้อมกับกองกำลังจากขาติอื่นอีก 20 ประเทศประจำอยู่ร่วมอีก 1,000 นาย
โดนโฆษกกองกำลังนาโตในพื้นที่แถลงว่า กองกำลังจากชาติพันธมิตรได้ถูกส่งไปยังที่เกิดเหตุ
ทั้งนี้มีรายงานว่าเกิดระเบิดในเวลา 23.05 น.ตามเวลาท้องถิ่น จากการแถลงของโฆษกกองบัญชาการกองกำลังผสมเยอรมนีในเมืองพ็อตสแดม (Potsdam)
ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (3 พ.ย.) ได้มีปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในเมืองคุนดุซ และทำให้พลเมืองอัฟกันจำนวนหลายสิบคนถูกสังหาร เป็นปฏิบัติการเสริมของนาโตเกิดขึ้นหลังจากที่สหรัฐฯ และกองกำลังท้องถิ่นอยู่ในระหว่างการสู้รบอย่างหนักในปฏิบัติการ และทำให้มีทหารสหรัฐฯ 2 นายต้องเสียชีวิต
