เอเจนซีส์ - กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ระงับแผนการขายปืนไรเฟิลจำนวน 26,000 กระบอก ให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติฟิลิปปินส์ ชั่วคราว ท่ามกลางความวิตกกังวลการละเมิดสิทธิมนุษยชนในฟิลิปปินส์จากสงครามต้านยาเสพติดของประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต ที่นับตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน เป็นต้นมา มีชีวิตต้องสังเวยไปแล้วไม่ต่ำกว่า 2,300 คน
หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน รายงานเมื่อวานนี้ (31 ต.ค.) ว่า แหล่งข่าวผู้ช่วยวุฒิสมาชิกสหรัฐฯได้เปิดเผยต่อรอยเตอร์ในวันจันทร์ (31 ต.ค.) ถึงการตัดสินใจระงับการขายอาวุธปืนไรเฟิลให้กับฟิลิปปินส์
โดยผู้ช่วยของ ส.ว. เบน คาร์ดิน (Ben Cardin) แกนนำระดับสูงของพรรคเดโมแครต ที่นั่งอยู่ในคณะกรรมาธิการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศประจำสภาสูงสหรัฐฯ ได้กล่าวว่า ส.ว. คาร์ดิน จะคัดค้านการขายปืนไรเฟิลให้กับฟิลิปปินส์ ประเทศพันธมิตรของสหรัฐฯมาอย่างยาวนาน
ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และ ฟิลิปปินส์ นั่นย่ำแย่มาตั้งแต่ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์คนใหม่ โรดริโก ดูเตอร์เต เข้ารับตำแหน่ง และสหรัฐฯได้เคยวิพากษ์วิจารณ์สงครามต่อต้านยาเสพติดของดูเตอร์เต
ทั้งนี้ เชื่อว่า มีคนจำนวนมากกว่า 2,300 คน ต้องจบชีวิตลงไปในปฏิบัติการของตำรวจฟิลิปปินส์ หรือจากฝีมือของกลุ่มติดอาวุธที่มีความเชื่อมโยงกับแคมเปญต่อต้านยาเสพติดของมะนิลานับตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันเข้ารับตำแหน่งของผู้นำฟิลิปปินส์คนใหม่
สื่ออังกฤษรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ มีหน้าที่ต้องแจ้งต่อรัฐสภาคองเกรสในข้อตกลงคำสั่งสื่ออาวุธจากต่างชาติที่ยังอยู่ในระหว่างดำเนินการ
โดยแหล่งข่าวสภาสูงสหรัฐฯคนเดิม ชี้ว่า เจ้าหน้าที่ของคณะกรรมาธิการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศประจำสภาสูงสหรัฐฯได้แจ้งไปยังกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ว่า คาร์ดินจะออกมาคัดค้านและหยุดข้อตกลงการขายอาวุธ ในช่วงระหว่างที่ทางกระทรวงได้เข้าแถลงต่อรัฐสภาในกระบวนการเริ่มต้นของการขาย (pre-notification process) ตามข้อตกลงคำสั่งซื้อปืนไรเฟิลจำนวน 26,000 - 27,000 กระบอก
แหล่งข่าวคนเดิมยังกล่าวต่ออีกในตอนท้ายว่า ทั้งนี้ สหรัฐฯได้พยายามอย่างดีที่สุดแล้วที่จะไม่ให้ความสนใจต่อวาทกรรมเสียดสีทางการเมืองของดูเตอร์เต และไม่เปิดโอกาสให้ผู้นำฟิลิปปินส์ได้ใช้ข้ออ้างเพื่อที่จะสามารถใช้วาจาเสียดสีต่อได้