รอยเตอร์ - นักวิทยาศาสตร์ยกระดับเตือนภัยภูเขาไฟคลีฟแลนด์บนหมู่เกาะอะลูเชียนเมื่อวานนี้ (24 ต.ค.) หลังเกิดการปะทุอย่างรุนแรง โดยเสียงระเบิดนั้นสามารถได้ยินไปถึงหมู่บ้านเล็กๆ ซึ่งอยู่ห่างออกไปถึง 72 กิโลเมตร
ศูนย์สังเกตการณ์ภูเขาไฟรัฐอะแลสกาได้เพิ่มการเตือนภัยจากระดับสีเหลืองขึ้นไปสู่ “สีส้ม” สำหรับภูเขาไฟคลีฟแลนด์ซึ่งมีความสูง 1,730 เมตร โดยภูเขาไฟลูกนี้ตั้งอยู่บนเกาะชูกินาดักซึ่งไม่มีผู้คนอยู่อาศัย ห่างจากเมืองแองเคอเรจไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 1,504 กิโลเมตร
การเตือนภัยระดับสีส้มจะถูกประกาศก็ต่อเมื่อภูเขาไฟ “แสดงอาการไม่สงบ และมีแนวโน้มที่จะเกิดการระเบิดขึ้น” ส่วน “สีแดง” ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนั้นหมายถึงภูเขาไฟจวนจะระเบิด หรือกำลังระเบิดแล้ว
ศูนย์สังเกตการณ์รายงานว่า การปะทุของภูเขาไฟคลีฟแลนด์ถูกบันทึกได้ผ่านคลื่นใต้เสียง (infrasound) และข้อมูลแผ่นดินไหว (seismic data) โดยเสียงระเบิดนั้นสามารถได้ยินไปถึงหมู่บ้านนิโคลสกี ซึ่งมีประชากรไม่ถึง 50 คน และตั้งอยู่บนเกาะอุมนักที่ห่างออกไปทางตะวันออกราว 72 กิโลเมตร
อุปกรณ์คลื่นใต้เสียงนั้นถูกใช้เพื่อตรวจวัดความดันอากาศรอบๆ ภูเขาไฟ
นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า เมฆหมอกที่ปกคลุมบริเวณปากปล่องภูเขาไฟทำให้ไม่สามารถสังเกตการณ์ผ่านภาพถ่ายดาวเทียมได้ แต่ที่ระดับความสูง 28,000 ฟุต (ราว 8,534 เมตร) ก็ยังไม่พบกลุ่มควันจากการระเบิด
ภูเขาไฟลูกนี้ถูกตั้งชื่อตามนามของประธานาธิบดี โกรเวอร์ คลีฟแลนด์ แห่งสหรัฐฯ และเป็นภูเขาไฟที่ยังมีพลังสูงสุดแห่งหนึ่งในรัฐอะแลสกา ซึ่งการระเบิดของมันอาจส่งผลกระทบต่อการสัญจรทางอากาศได้
ศูนย์สังเกตการณ์ระบุว่า ภูเขาไฟลูกนี้อยู่ทางตะวันตกของเกาะชูกินาดัก และเคยเกิดการปะทุปลดปล่อยลาวาออกมาบ้างนานๆ ครั้ง ตั้งแต่ปี 2001
หมู่เกาะอะลูเชียนในรัฐอะแลสกาเป็นแนวหมู่เกาะภูเขาไฟที่ยังมีพลัง และเป็นส่วนหนึ่งของแนว “วงแหวนไฟ” รอบมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งมักเกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง
เมื่อต้นปีนี้ ภูเขาไฟพาฟลอฟบนคาบสมุทรอะแลสกาก็เกิดระเบิดขึ้นโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า ปลดปล่อยเถ้าถ่านสูงขึ้นไปบนฟ้าถึง 6,096 เมตร และส่งผลให้ต้องมีการแจ้งเตือนความเสี่ยงต่อเครื่องบินทั่วภูมิภาค