รอยเตอร์ - รัสเซียและกองกำลังรัฐบาลซีเรียจะหยุดโจมตีเมืองอะเลปโปของซีเรียเป็นเวลา 8 ชั่วโมงในวันพฤหัสบดีนี้ (20 ต.ค.) เพื่อเปิดทางพลเมืองและกบฏออกจากเมือง จากการเปิดเผยของกระทรวงกลาโหมแดนหมีขาวในวันจันทร์ (17 ต.ค.)
อย่างไรก็ตาม มอสโกปฏิเสธข้อตกลงหยุดยิงที่ไม่สิ้นสุด มาตรการตามที่เหล่ารัฐบาลตะวันตกเรียกร้อง โดยระบุว่ามันจะเป็นการเปิดทางให้พวกกบฏอิสลามิสต์ภายในเมือง ได้โอกาสรวมตัวกันใหม่
เครื่องบินรัสเซียและกองกำลังซีเรียที่ภักดีต่อประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ทิ้งบอมบ์ถล่มเขตต่างๆ ทางตะวันออกของอะเลปโป ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกบฏ นับตั้งแต่ข้อตกลงหยุดยิงที่มีนานาชาติเป็นคนกลางพังครืนลงเมื่อเดือนก่อน
สหรัฐฯ และชาติยุโรปบางส่วนกล่าวหามอสโกและซีเรียกระทำการอย่างโหดร้ายป่าเถื่อน แต่เจ้าหน้าที่รัสเซียปฏิเสธ และกล่าวหาตะวันตกกลับว่ากำลังช่วยพวกก่อการร้าย
ระหว่างแถลงสรุปในมอสโก พลโท เซอร์เก รุดสคอฟ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ระบุว่าพวกกบฏในพื้นที่ของอะเลปโปกำลังเข่นฆ่าพลเรือน ขณะที่รัฐบาลตะวันตกแสร้งทำมองไม่เห็น “สถานการณ์หยุดยิงฝ่ายเดียวไม่สมเหตุสมผล เนื่องด้วยพวก จับฮัต อัล-นุสรา และกลุ่มพันธมินาอื่นๆ จะมีโอกาสหายใจอีกครั้ง รวมกลุ่มใหม่และฟื้นฟูศักยภาพทางทหารของพวกเขา”
เขาบอกว่ารัสเซียกำลังทำงานร่วมกับมหาอำนาจอื่นๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายข้อตกลงสันติภาพในอะเลปโป แต่มันคงต้องใช้เวลา ดังนั้นในขณะเดียวกันจึงตัดสินใจเริ่มต้นหยุดโจมตีเพื่อมนุษยธรรม “ความตั้งใจลำดับแรกและสำคัญที่สุดของการหยุดโจมตีก็เพื่อให้พลเรือนสามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างอิสระ เพื่ออพยพคนป่วยหรือผู้ได้รับบาดเจ็บ และเปิดทางให้พวกกบฏถอนกำลัง”
“ในวันที่ 20 ตุลาคม นับตั้งแต่เวลา 08.00 น. ถึง 16.00 น. การหยุดโจมตีเพื่อมนุษยธรรมจะมีผลบังคับใช้ในพื้นที่ของอะเลปโป สำหรับช่วงเวลาดังกล่าว กองทัพอากาศซีเรียและกองกำลังรัฐบาลซีเรียจะระงับการโจมตีทางอากาศและยิงจากอาวุธอื่นๆ ทั้งหมด”
