เอเอฟพี - ไต้ฝุ่นสาริกา (Sarika) มีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางสูงถึง 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จ่อถล่มเกาะลูซอนของฟิลิปปินส์ในเช้าวันอาทิตย์ (16 ต.ค.) ขณะที่สำนักอุตุนิยมวิทยาฟิลิปปินส์ เตือนให้ประชาชนเฝ้าระวังอันตรายจากพายุไต้ฝุ่นที่อาจสร้างความเสียหายรุนแรงมากที่สุดในปีนี้
สำนักงานป้องกันพลเรือนฟิลิปปินส์ แถลงว่า อิทธิพลของไต้ฝุ่นสาริกาได้ทำให้เสาไฟฟ้าหักโค่นและสายโทรศัพท์ถูกตัดขาดบนเกาะคาตันดัวเนส (Catanduanes) ทางตะวันออกของประเทศ
แม้ไต้ฝุ่นลูกนี้จะไม่ใช่พายุมีอานุภาพรุนแรงที่สุดที่ซัดถล่มแดนตากาล็อกในปีนี้ แต่อาจสร้างความเสียหายมากที่สุด เนื่องจากเส้นทางพายุพาดผ่านพื้นที่ตอนเหนือของกรุงมะนิลาซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น
“จากข้อมูลเรดาร์แสดงให้เห็นว่าพายุลูกนี้อาจสร้างความเสียหายอย่างมหาศาล บ้านเรือนที่ปลูกสร้างด้วยไม้อาจถูกทำลาย ต้นไม้ใหญ่หักโค่น และลมพายุอาจพัดหลังคาปลิวได้” เบนิสัน เอสตาเรจา นักอุตุนิยมวิทยาของรัฐ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเอเอฟพี
“ด้วยเหตุนี้ ไต้ฝุ่นสาริกาจึงอาจจัดว่าเป็นพายุที่สร้างความเสียหายมากที่สุดในปี 2016” เอสตาเรจา กล่าว
ไต้ฝุ่นสาริกาคาดว่าจะพัดเข้าสู่จังหวัดออโรรา (Aurora) ทางตะวันออกของเกาะลูซอนก่อนรุ่งสางวันพรุ่งนี้ (16) จากนั้นจะเคลื่อนตัวผ่านตอนกลางของเกาะ และออกสู่ทะเลจีนใต้ในเย็นวันเดียวกัน
“พายุลูกนี้จะส่งผลกระทบมาก เพราะประชาชนส่วนใหญ่อาศัยอยู่บริเวณดังกล่าวของเกาะลูซอน แม้แต่มะนิลาและปริมณฑลก็จะได้รับผลกระทบเช่นกัน” เขาบอก
สำนักงานอุตุนิยมวิทยา เตือนว่า จุดที่พายุเคลื่อนผ่านจะมีฝนตกหนัก ลมกระโชกแรง และอาจมีคลื่นพายุซัดฝั่งสูงถึง 2 เมตร บริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน ส่วนผู้ที่อาศัยอยู่บริเวณภูเขาต้องระวังอันตรายจากดินถล่ม
ราเชล มิรันดา โฆษกหญิงของสำนักงานป้องกันพลเรือน ระบุว่า ประชาชนราว 246,000 คนบนเกาะคาตันดัวเนสกำลังได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาไฟฟ้าดับ และโทรศัพท์ที่ถูกตัดขาด
ทางการฟิลิปปินส์ได้อพยพชาวบ้านกว่า 400 คน ออกจากพื้นที่เสี่ยง ส่วนการสัญจรทางเรือและอากาศในพื้นที่ดังกล่าวถูกระงับไว้ชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย
หมู่เกาะฟิลิปปินส์มักเป็นผืนแผ่นดินแห่งแรกที่ต้องเผชิญกับลมพายุซึ่งก่อตัวขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิก แต่ละปีจะมีพายุพัดเข้าสู่ฟิลิปปินส์ไม่ต่ำกว่า 20 ลูก และส่วนใหญ่มีอานุภาพรุนแรง
ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนซึ่งเป็นพายุที่มีความรุนแรงขณะขึ้นฝั่งมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ได้ซัดถล่มหมู่เกาะตอนกลางของฟิลิปปินส์จนราบเป็นหน้ากลอง เมื่อวันที่ 8 พ.ย. ปี 2013 และทำให้มีผู้เสียชีวิตหรือสูญหายมากถึง 7,350 คน