รอยเตอร์/เอเจนซีส์ – เมื่อวานนี้(12 ต.ค)รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขดัตช์ อีดิธ ชิพเพอร์สEdith Schippers และรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมดัตช์ อาร์ด วาน เดอร์ ชโตส์ (Ard van der Steur) ยื่นจดหมายไปยังรัฐสภาเนเธอร์แลนด์ เพื่อขอให้จัดทำร่างกฎหมายอนุญาตให้พลเมืองดัตช์ที่มีสุขภาพแข็งแรงสามารถทำการจบชีวิตตัวเอง หากคิดว่าชีวิตที่ผ่านมาสมบูรณ์แล้ว จุดประสงค์เพื่อช่วยเหลือพลเมืองสูงอายุในประเทศที่ต้องทนอยู่ในแต่ละวันทั้งๆที่มีความประสงค์จบชีวิตตัวเอง
รอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้(12 ต.ค)ว่า รัฐบาลเนเธอร์แลนด์มีแผนที่จะหาทางออกช่วยเหลือพลเมืองสูงอายุที่มีสุขภาพแข็งแรง แต่คิดว่าชีวิตที่ผ่านมาของตัวเองนั้นสมบูรณ์แล้ว ให้สามารถทำการจบชีวิตตัวเองได้ตามปรารถนาโดยถูกต้องตามกฎหมาย
ทั้งนี้เนเธอร์แลนด์เป็นชาติแรกในโลกที่มีการประกาศบังคับใช้กฎหมายการุณยฆาต หรือ สิทธิเลือกความตาย ในปี 2002 สำหรับผู้ป่วยโรคร้ายที่ไม่มีทางเยียวยารักษา และต้องทนอยู่ต่อไปด้วยความทรมาน
ทั้งนี้กฎหมายการุณยฆาตได้รับการสนับสนุนจากสังคมดัตช์อย่างล้นหลาม รวมทั้งยังเห็นตัวเลข 2 หลักทุกปีมานานกว่า 10 ปีสำหรับผู้ป่วยที่มีความประสงค์จะจบชีวิตเพิ่มมากขึ้น และสำหรับแพทย์ที่มีความเห็นต้องการจะช่วยเหลือให้ผู้ป่วยเหล่านั้นหาทางออกด้วยวิธีนี้
โดยพบว่าการจบชีวิตด้วยการุณยฆาตถูกใช้สำหรับผู้ป่วย 5,516 คนในปี 2015 หรือราว 3.9% ของการเสียชีวิตทั้งหมดในเนเธอร์แลนด์
รอยเตอร์ชี้ว่า ร่างกฎหมายใหม่ที่เปิดโอกาสให้คนมีสุขภาพแข็งแรงจบชีวิตได้นั้นเชื่อว่า จะสร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่ว เนื่องจากที่ผ่านมาบรรดาผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายการุณยฆาตเนเธอร์แลนด์ได้วิจารณ์ว่า ขอบเขตนโยบายกฎหมายการุณยฆาตดัตช์นั้นถูกใช้เกินขอบเขตข้อเดิม โดยพบว่า ไม่เฉพาะที่วิธีการุณยฆาตดัตช์จะถูกใช้กับผู้ป่วยที่ต้องทุกข์ทรมานจากโรคร้ายที่ไม่มีทางรักษา แต่ยังรวมไปถึงผู้ป่วยโรคทางประสาท และโรคสมองเสื่อม(Dementia)
แต่ทว่าในจดหมายจากรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขดัตช์ อีดิธ ชิพเพอร์ส(Edith Schippers) และรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมดัตช์ อาร์ด วาน เดอร์ ชโตส์ (Ard van der Steur) ที่ส่งไปยังรัฐสภาแดนกังหันสีส้มในวันพุธ(12 ต.ค)นั้น เนื้อความระบุว่า ถือเป็นการเปิดโอกาสทางเลือกใหม่ให้กับผู้ที่มีความรู้สึกว่า “ใช้ชีวิตที่ผ่านมาอย่างสมบูรณ์แล้ว” แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ยังยังต้องอยู่ภายใต้กรอบข้อจำกัดอย่างเคร่งครัด และจะอนุญาตให้ทำการจบชีวิตตามแบบที่เหมาะสมเท่านั้น”
RT รายงานเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้ข้อเสนอใหม่จากกระทรวงดัตช์ทั้งสองนี้อาจจะขัดรัฐธรรมนูญเนเธอร์แลนด์ เพราะในรายงานของชุดคณะกรรมาธิการชุดพิเศษเนเธอร์แลนด์ ได้พิจารณาว่า การช่วยให้บุคคลทำการยุติชีวิตของตัวเองนั้นถือเป็นความผิดทางอาญา
โดยในรายงานที่ปรึกษาจำนวน 243 หน้าภายใต้ชื่อ “Voltooid Leven” หรือ ชีวิตที่สมบูรณ์ ถูกเผยแพร่ในเดือนกุมภาพันธ์ล่าสุด เปิดเผยถึงผลการวิจัยเกี่ยวกับบุคคลที่มีความรู้สึกว่า ชีวิตนั้นสมบูรณ์แล้ว และมีความประสงค์จบชีวิตตัวเอง จำเป็นต้องการให้กฎหมายเข้าช่วยหรือไม่ ซึ่งในงานวิจัยชิ้นนี้ยังคงสรุปว่า การช่วยจบชีวิตบุคคลนั้นถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย และไม่มีความจำเป็นต้องเกิดขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม ในจดหมายของสองรัฐมนตรีดัตช์ได้กล่าวโต้ว่า “แต่จากความเห็นของทางคณะรัฐมนตรีกลับเชื่อว่า ทางเลือกในการช่วยเหลือ(การจบชีวิต)ให้กับบุคคลที่มีความรู้สึกต้องผจญกับความสิ้นหวัง แต่ไม่มีปัญหาด้านสุขภาพ นั้นสามารถกระทำได้ตามกฎหมาย”
และนอกจากนี้จดหมายที่ยื่นไปยังรัฐสภาเนเธอแลนด์เมื่อวานนี้(12 ต.ค)ยังกล่าวต่อว่า มีคนจำนวนหนึ่ง ที่ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุนั้น ใช้ชีวิตไปวันๆโดยประสงค์ต้องการจะหยุดลมหายใจของตัวเองลง “เนื่องมาจากว่า คนเหล่านี้รู้สึกว่า ชีวิตพวกเขาที่เหลืออยู่นั้นไม่มีความหมายอีกต่อไป ***ซึ่งร่างกฎหมายใหม่ที่จะออกมาจะถูกจำกัดใช้แต่กับกลุ่มพลเมืองผู้สูงอายุเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม ไม่มีการระบุช่วงอายุที่แน่นอนออกมาในเบื้องต้น***
RT รายงานต่อว่า พบว่าในร่างกฎหมายใหม่นี้ระบุว่า จำเป็นต้องมีกรอบข้อแนะนำอย่างรอบคอบ และรวมไปถึงการคัดสรรค์ล่วงหน้าพร้อมกับผู้เชี่ยวชาญการให้ความช่วยเหลือการจบชีวิตซึ่งมีคุณสมบัติในสาขาการแพทย์ที่จะต้องได้รับการเข้ารับการอบรมเพิ่มเติม
ซึ่งรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขดัตช์ต้องการจัดการกระบวนการอย่างเข้มงวด ที่จะไม่รวมกลุ่มคนที่เหงาหรือซึมเศร้า หรือ บุคคลที่มีปัญหาชีวิตแต่สามารถแก้ไขได้ด้วยวิถีทางอื่น
สื่อรัสเซียรายงานต่อว่า “ที่ปรึกษาการจบชีวิต” จะเป็นผู้พิจารณาบุคคลที่ร้องขอนั้นมีคุณสมบัติเข้าข่ายครบถ้วนหรือไม่ และหากว่าเจ้าหน้าที่ปรึกษาการจบชีวิตเห็นพ้อง บุคคลผู้นั้นจะได้รับโอกาสช่วงเวลาให้พิจารณาการตัดสินใจใหม่อีกครั้ง ก่อนที่จะมีการเริ่มกระบวนการ
ทั้งนี้พบว่าพรรคการเมืองดัตช์เป็นต้นว่า พรรค VVD พรรค PvdA และพรรคD66 ให้การสนับสนุนร่างกฎหมายอนุญาตฆ่าตัวตาย แต่ทว่าพรรคคริสเตียนยูเนียน พรรค SGP และพรรค SP คดค้านร่างกฎหมายฉบับนี้
รอยเตอร์รายงานในตอนท้ายว่า มีการคาดหวังว่า จะสามารถร่างกฎหมายใหม่ ด้วยความช่วยเหลือจากคณะแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านปรัชญาสาขาจริยศาสตร์ และสาขาอื่นๆที่เกี่ยวข้องภายในสิ้นปี 2017