“ฟิเดล คาสโตร” ชี้ “ทรัมป์” ถูก “คลินตัน” ดิสเครดิตในศึกดีเบตรอบแรก

เอเอฟพี - อดีตประธานาธิบดี ฟิเดล คาสโตร แห่งคิวบา ระบุมหาเศรษฐี โดนัลด์ ทรัมป์ ถูกคู่แข่งอย่าง ฮิลลารี คลินตัน “ดิสเครดิต” จนหมดความน่าเชื่อถือ ระหว่างการประชันวิสัยทัศน์ของผู้สมัครประธานาธิบดีสหรัฐฯ รอบแรกเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน

“การดีเบตครั้งแรกเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้วเป็นกระแสฮือฮามาก คุณทรัมป์ซึ่งแสดงตัวว่าเป็นผู้มีศักยภาพถูกดิสเครดิตพอๆ กับที่ (ประธานาธิบดี) บารัค โอบามา เคยโดนในเรื่องนโยบายของเขา... พวกเขาน่าจะได้รับเหรียญโคลนเชิดชูเกียรติ (mud medal) ด้วยกันทั้งคู่” คาสโตร วัย 90 ปี ซึ่งสละอำนาจให้แก่น้องชาย ราอูล คาสโตร เมื่อ 10 ปีที่แล้ว เขียนไว้ในบทความซึ่งถูกเผยแพร่เพียงไม่กี่ชั่วโมง ก่อนที่คลินตัน และทรัมป์ จะดวลฝีปากกันในศึกดีเบตครั้งที่ 2 วันอาทิตย์ (9 ต.ค.) และไม่ถึง 1 เดือนก่อนที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเปิดฉากขึ้นในวันที่ 8 พ.ย.

ในการดีเบตครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 ก.ย. นั้น ทั้งสื่อและนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าคลินตันเป็นฝ่ายทำผลงานได้ดีกว่า

การประชันวิสัยทัศน์ครั้งที่ 2 มีขึ้นในขณะที่แคมเปญหาเสียงของมหาเศรษฐีปากเปราะและพรรครีพับลิกันโดยรวมกำลังเผชิญมรสุมลูกใหญ่จากคลิปเสียงปี 2005 ซึ่งทรัมป์ได้พูดโอ้อวดเรื่องการมีเพศสัมพันธ์กับหญิงที่มีสามีแล้ว และการ “จับ” อวัยวะเพศของผู้หญิง

รัฐบาลคิวบาซึ่งเริ่มฟื้นฟูความสัมพันธ์กับอริยุคสงครามเย็นอย่างสหรัฐฯ ในปี 2014 ยังไม่แสดงท่าทีว่าสนับสนุนผู้สมัครรายใดให้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต่อจาก โอบามา

อย่างไรก็ดี บทความของฟิเดล คาสโตร ถูกมองว่าเป็นการส่ง “สัญญาณ” ว่าฮาวานานั้นเอนเอียงไปทางใคร

คลินตันยืนยันว่าเธอจะสานต่อนโยบายฟื้นสัมพันธ์กับคิวบาของโอบามา ซึ่งเป็นผลให้มีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตขึ้นมาใหม่เมื่อปีที่แล้ว หลังจากที่ตัดขาดกันมานานกว่า 50 ปี

ด้านทรัมป์นั้นมีนโยบายที่แข็งกร้าวกับคิวบามากกว่า

คาสโตร ซึ่งยังเป็นรัฐบุรุษผู้ทรงอิทธิพลอย่างสูงไม่เคยออกมาตั้งคำถามเกี่ยวกับยุทธศาสตร์การทูตของ ราอูล ผู้เป็นน้อง ซึ่งแม้จะแสดงท่าทีไม่ไว้ใจวอชิงตันและโอบามา แต่ก็เป็นตัวตั้งตัวตีในการรื้อฟื้นความสัมพันธ์อันดีกับอเมริกา